บล.ทรีนีตี้:
โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ – HMPRO
คําแนะนํา ซื้อ / ราคาปิด 13.70 บาท / ราคาเป้าหมาย 18.00 บาท
อัพเดทการประชุมนักวิเคราะห์
Highlight
- รายได้ไตรมาส 2 โต 6.6% YoY เนื่องจาก Elnino ที่ทำให้อากาศร้อน ส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำความเย็นขายดีกว่าปกติ ถ้าไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าทำความเย็น การโตของยอดขายในไตรมาส 2 จะอยู่ที่ประมาณ 3% YoY
- รายได้ต่อบิลในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 5 – 6% YoY แต่ในทางกลับกัน จำนวน store visit ลดลง 1 – 2% YoY เนื่องจากผู้คนซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น
- ด้านอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2 อยู่ที่ 26.3% เพิ่มขึ้น 60 bps (อยู่ที่ 25.7% ใน 2Q65 และ 26.1% ใน 1Q66) ดีขึ้นจาก sales rebate และ private brand ของ Megahome
- รายได้รวม 1H66 โต 9.3% YoY ด้านกำไรโต 6.6% YoY โดยปัจจัยที่กดดันกำไรในไตรมาส 1H66 ได้แก่
- Operating Expenses ที่โตเร็วกว่ายอดขาย ซึ่งมาจากค่าไฟและค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขาใหม และค่าใช้จ่ายในการฝึกพนักงาน 4 – 6 เดือนก่อนการเปิดสาขาใหม่
- ค่าไฟส่วนกลางที่ทางบริษัทยังไม่ส่งผ่านให้ผู้เช่า
- ภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามมาตรฐานทางบัญชี TFRS 9 จากการเช่าที่ดิน เพื่อขยายสาขาในอนาคต
- รายได้ใน 1H66 แบ่งเป็นของ Homepro 82%, Mehahome 16% และรายได้จาก Malaysia and Vietnam 2%
- โดย SSSG ใน 1H66 อยู่ที่
- Homepro +5.4% YoY
- Megahome -1.2% YoY
- Malaysia -3% YoY
- โดย SSSG ใน 1H66 อยู่ที่
3Q66 and 2H66 Outlook
- ผู้บริหารยังมองว่าระยะสั้นมีความน่ากังวลจากปัจจัยทางการเมืองที่ไม่แน่นอน ซึ่งสะท้อนออกมาในตัวเลขยอดขายช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม
- ผู้บริหารยังคงเป้า SSSG ช่วงครึ่งปีหลังไว้ที่ 3 – 5% และคาดว่าอัตรากำไรขั้นจะดีขึ้นจากช่วง high season รวมถึงค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลงตามค่าไฟและค่าใช้จ่ายในการขยายสาขาที่ตั้งแล้วช่วง 1H66
- ใน 2H66 จะมีการเปิดสาขา Megahome เพิ่ม 3 สาขา และ Homepro เพิ่ม 1 สาขา ส่งผลให้พื้นที่เขาเพิ่มขึ้น 13%
ความเห็นนักวิเคราะห์
- เรามีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยจากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยปัจจัยหลักที่เรากังวล ได้แก่ กำลังซื้อที่หดตัวจากการยืดเยื้อในการจัดตั้งรัฐบาล นอกจากนี้นักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะเป็น catalyst ยังเดินทางมาน้อยกว่าที่คาดส่งผลให้รายได้ช่วง 2H66F อาจจะอ่อนตัวลง YoY
- เรายังแนะนำ “ซื้อ” เพื่อลงทุนระยะยาว และให้ราคาเป้าหมายที่ 18 บาท โดยมองว่า HMPRO ยังเป็นหุ้นที่แข็งแกร่ง แต่ในระยะสั้นอาจถูกดันจากประเด็นเรื่องกำลังซื้อที่อ่อนตัว