KS Daily View 07.08.2023 >>> คาดดัชนีปรับฐานต่อ ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ ต่ำคาด ประเมินกรอบซื้อขายวันนี้ 1,525/1,540 จุด หุ้นแนะนำ BH, ADVANC
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้
ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.43%, S&P 500 -0.53%, NASDAQ -0.36%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Consumer discretionary (+1.91%), Energy (+0.03%) ขณะที่ Information technology (-1.49%), Utilities (-1.21%), Consumper staples (-1.02%)
ในประเทศ: SET Index +1.45 pts. หรือ +0.09% ปิดที่ 1,530.49 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ PTTEP (+1.57%), ADVANC (+0.90%), BH (+2.75%), CPN (+1.50%) ขณะที่ CPAXT (-1.48%), SCC (-1.23%), CPALL (-0.82%), BJC (-2.17%)
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: มองดัชนีตลาดมีโอกาสปรับฐานลงต่อหลังช่วงปลายสัปดาห์ก่อนสหรัฐฯประกาศตัวเลขการจ้างงานออกมาต่ำคาด อีกทั้งสถานการณ์การเมืองไทยเป็นสูญญากาศ ประเด็นการเมืองทุกอย่างหยุดนิ่งรอผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญกรณีมติสภาไม่ให้โหวตพิธาเป็นนายกรอบสองตามข้อบังคับที่ 41 ของสภาฯ ซึ่งอาจขัดรัฐธรรมนูญ โดยกว่าจะรู้ผลต้องรอถึงวันที่ 16 ส.ค. ตามกำหนด มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,525/1,540 จุด คาดระยะข้างหน้ามีโอกาสเกิด sector rotation หรือหมุนเงินเปลี่ยนกลุ่มเล่นโดยเน้นไปที่กลุ่ม defensive, กลุ่ม high yield หรือหุ้นที่งบออกมาแข็งแกร่งช่วยหนุน
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) แม้ในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาจะไม่มีการโหวตนายกรอบสามเนื่องจากมีการเลื่อนการโหวตออกไปเพื่อรอพิจารณาผลมติศาลรัฐธรรมนูญมีการเลื่อนแถลงออกไปเป็นวันที่ 16 ส.ค. แต่สภาฯยังมีการประชุมตามปกติในวันศุกร์ที่ผ่านมาในประเด็นเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ยกเลิกอำนาจสว.ในการเลือกนายกที่ทางพรรคก้าวไกลเป็นผู้เสนอ อย่างไรก็ดี มีจำนวนสว.เข้าประชุมสภาน้อยมาก อีกทั้งประธานสภารีบตัดปิดที่ประชุมทันทีตั้งแต่ก่อนเที่ยง หลังทางนายรังสิมันต์ โรม ยื่นญัตติด่วนให้ทบทวนมติสภาปมเสนอชื่อนายพิธาซ้ำไม่ได้ในวันที่ 19 ก.ค.
2.) สหรัฐฯรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือน ก.ค. ที่ 187k ต่ำแหน่ง น้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 205k ต่ำแหน่ง กอปรกับมีการทบทวนตัวเลขการจ้างงานที่ประกาศไปแล้วของเดือนก่อนหน้าลงเหลือเพียง 185k ตำแหน่ง จากเดิมที่ประกาศออกมาที่ 209k ตำแหน่ง ตลาดกังวลตัวเลขจ้างงานที่ออกมาอ่อนแอของเดือน ก.ค. อีกทั้งไม่แน่ใจว่าตัวเลขที่ประกาศออกมาอ่อนแอแล้วนั้นจะถูกทบทวนให้อ่อนแอลงกว่าเดิมอีกหรือไม่ในเดือนถัดไป หลังมีการทบทวนลงในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายเดือนในปีนี้
3.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานประธานาธิบดีสหรัฐฯ Joe Biden เตรียมลงนามออกคำสั่งประธานาธิบดี (executive order) ให้ตรวจสอบเงินลงทุนที่ออกจากสหรัฐฯไปจีนอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี ทางนาย Mike Gralagher ประธานคณะกรรมธิการดูแลประเด็นเศรษฐกิจและความมั่นคงที่เกี่ยวเนื่องกับจีนออกมาให้ความเห็นว่าควรเพิ่มมาตรการความเข้มงวดไม่ใช่เพียง FDI แต่ควรเข้มงวดเงินลงทุนในตลาดรองด้วย มองเป็นประเด็นลบสำหรับตลาดหุ้นจีนและสะท้อนสหรัฐฯยังคงดำเนินนโยบายสงครามทางเศรษฐกิจกับจีนต่อ
4.) บริษัทเดินเรือยักษ์ใหญ่ของโลก Maersk รายงานผลประกอบการหดตัวกว่า 82% อีกทั้งผู้บริหารให้มุมมองเชิงลบกับอุตสาหกรรมขนส่งมองอาจแย่กว่า worst case ที่เคยประเมินไว้ โดยมอง global shipping container demand จะปรับตัวลดลง 4% เทียบกับที่เคยประเมินไว้ว่าจะลดลง 2.5% ในกรณี worst case
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,515 – 1,540 จุด โดยปัจจัยในประเทศรอความชัดเจนของการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหลังศาลรธน.เลื่อนพิจารณาคำร้องโหวตซ้ำ “พิธา” เป็น 16 ส.ค.นี้ และผลประกอบการไตรมาส 2/66 ของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้าได้แก่ ตัวเลขส่งออก-นำเข้าของจีนเดือน ก.ค. วันอังคารเช้า, ตัวเลขเงินเฟ้อจีนเดือน ก.ค. วันพุธเช้า, และ ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ คืนวันพฤหัสฯ
หุ้นแนะนำวันนี้
- Top pick: BH (ราคาพื้นฐาน 233.0 บาท) คาดบริษัทประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2566 สัปดาห์นี้ราววันพฤหัสบดีซึ่งมองจะออกมาแข็งแกร่งที่ 1.4 พันลบ. โดยเติบโตแรงราว 25% YoY แม้ QoQ อาจชะลอแต่หลักๆเนื่องจากผลของฤดูกาล ก่อนที่จะเร่งตัวแรงชัดในไตรมาส 3/2566 เนื่องจากเป็น high season คนป่วยเพิ่มขึ้นหลังนักเรียนเปิดเทอม ฝนตกหนักและตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเร่งตัว
- Top pick: ADVANC (ราคาพื้นฐาน 233.85 บาท) คาดบริษัทแจงผลประกอบการวันนี้มองเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY ที่ 7.16 พันลบ. มองการแข่งขันลดลงช่วยเดินหน้าหนุนรายได้และกำไร อีกทั้งมีมูลค่าส่วนเพิ่มจากการสปินออฟทรัพย์สินเช่นเสาส่งสัญญาณซึ่งยังไม่ได้รวมในการประเมินกำไรและมูลค่าบริษัท
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันจันทร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทย (CPI) เดือนก.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 0.64% YoY สูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 0.23% YoY ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (core CPI) คาดเพิ่มขึ้น 0.90% YoY ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 1.32% YoY
- วันอังคาร ติดตามตัวเลขค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยของญี่ปุ่น (Average cash earnings) เดือนก.ค. ตลาดคาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.9% YoY ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.5% YoY ต่อด้วยตัวเลขส่งออกของจีนเดือนก.ค. ตลาดคาดปรับตัวลดลง -14% YoY หดตัวมากกว่าเดือนก่อนหน้าที่ลดลง -12.4% YoY และปิดท้ายด้วยตัวเลขเงินเฟ้อของเยอรมันเดือนก.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 6.2% YoY ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 6.4% YoY
- วันพุธ ติตตามตัวเลขเงินเฟ้อของจีน (CPI) เดือนก.ค. ตลาดปรับตัวลดลง -0.3% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ทรงตัว 0.0% YoY ตัวเลขเงินเฟ้อที่ติดลบสะท้อนภาวะระดับราคาสินค้าและบริการหดตัวหรือกล่าวคือส่งสัญญาณเกิดสถานการณ์เงินฝืด
- วันพฤหัสบดี ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) เดือนก.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 2.8% YoY ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่เพ่มขึ้น 3.0% YoY และเงินเฟ้อพื้นฐาน (core CPI) เดือนก.ค. ที่ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 4.7% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 4.8% YoY
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ของจีน (New Yuan Loans) เดือน ก.ค. ตลาดคาดที่ 1,810 พันล้านหยวน ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 3,050 พันล้านหยวน ต่อด้วยตัวเลข GDP ของอังกฤษสำหรับไตรมาส 2/2566 ตลาดคาดหดตัว -0.8% YoY เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 0.2% YoY และตัวเลขความเชื่อมั่นสหรัฐฯเบื้องต้นจาก University of Michigan ตลาดคาดปรับตัวลดลงเป็น 70.9 จาก 76.1 เดือนก่อนหน้า