บล.ฟิลลิป:
ธนาคารกรุงเทพ – BBL 2H66 ยังน่าจะดีต่อ
Key Point
สินเชื่อ 2H66 น่าจะเร่งตัวขึ้นจากลูกค้าในกลุ่มท่องเที่ยว และ Logistic จากที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 รวมไปถึง FDI คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น รวมไปถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วยเสริมให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น และ NPL ที่ลดลง ประกอบกับการตั้งสำรองที่ยังสูง ทำให้ BBL กลับมาเป็นธนาคารที่มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงที่สุดในกลุ่มอีกครั้ง ยังคงประมาณการกำไรปี 66 ไว้ก่อน ถึงแม้ว่าประมาณการการตั้งสำรองของทางฝ่ายจะสูงกว่าเป้าการตั้งสำรองของ BBL ก็ตาม และยังคงราคาพื้นฐาน 191 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
สินเชื่อน่าจะเร่งตัวขึ้นใน 2H66 ยังคงเป้า 4 – 6%
สินเชื่อของ BBL กลับมาเติบโตได้ 0.6% ใน 2Q66 จาก 1Q66 ที่หดตัว 1.6% โดยทาง BBL มองว่าการฟื้นตัวของลูกค้าในกลุ่มท่องเที่ยว และ Logistic ที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจาก COVID 19 รวมไปถึงการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ที่จะเข้ามาทั้งในไทย และอินโดนีเซียจะทำให้สินเชื่อของ BBL ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่จะเร่งตัวขึ้นได้ใน 2H66 ทำให้ BBL ยังคงเป้าการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ไว้ 4 – 6% เช่นเดิม
คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น ยิ่งเสริมส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย
BBL มี NPL ลดลงใน 2Q66 เหลือ 2.9% จาก 1Q66 ที่มีอยู่ 3.1% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าดีขึ้น และมีการตัดหนี้สูญบางส่วน ซึ่งคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นนี้ยิ่งส่งเสริมให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของ BBL ยังเพิ่มสูงขึ้น นอกเหนือจากการได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดย 2Q66 BBL มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.92% เพิ่มขึ้นจาก 2.85% ใน 1Q66 และ 2.84% ใน 4Q65
กลับมาเป็นธนาคารที่มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงที่สุด
จาก NPL ที่ลดลง และการตั้งสำรองที่ยังสูงอยู่ โดย 2Q66 BBL มีการตั้งสำรอง 8.9 พันลบ. จาก 1Q66 ที่ตั้ง 8.5 พันลบ. ทำให้สัดส่วนสำรองต่อ NPL ของ BBL เพิ่มขึ้นมาเป็น 264% จาก 243% ใน 1Q66 และ ทำให้ BBL กลับมาเป็นธนาคารที่มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงที่สุดในกลุ่มอีกครั้ง โดยค่าเฉลี่ยสัดส่วนสำรองต่อ NPL ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่เพียง 168%
ยังคงประมาณการไว้ก่อน ถึงแม้ BBL จะมีเป้าการตั้งสำรองลดลงจากปีก่อน ยังแนะนำ “ซื้อ”
ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 66 ของ BBL ไว้ที่ 42 พันลบ. เพิ่มขึ้นถึง 42.2% y-y กำไร 1H66 คิดเป็น 51.4% ของประมาณการทั้งปี และคาดว่า BBL จะมีการตั้งสำรอง 1.2% ของสินเชื่อรวม ซึ่งยังต่ำกว่าเป้าที่ทาง BBL ตั้งไว้ว่าจะมีการตั้งสำรองในปีนี้ลดลงจากปีก่อนที่มีการตั้งสำรอง 1.22% ของสินเชื่อรวม เหลือ 1% ของสินเชื่อรวม และยังคงราคาพื้นฐาน 191 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
ความเสี่ยง
1. ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย
2. ความเสี่ยงด้านเครดิต
3. การเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน