ยังไม่สบายใจ / 1,510-1,525

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET เดินหน้าในทางลง : โดยถูกกดดันจากความกังวลภาวะศก.สหรัฐฯ และจีน หลัง Moody’s ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐฯ 10 แห่ง ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของธนาคารต่างๆ และแนวโน้มศก.สหรัฐฯ กอปรกับการเปิดเผยรายได้ใน 2Q66 ของ UPS ที่ต่ำกว่าตลาด เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของศก.สหรัฐฯ ด้านจีนการรายงานตัวเลขการค้าที่ซบเซาได้เพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในจีน ซึ่งเป็นความหวังของศก.โลกสำหรับปีนี้ อย่างไรก็ดี วันนี้ติดตามการรายงาน CPI เดือนก.ค.ของจีน ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงทิศทางของศก. ขณะที่การเมืองไทยเป็นความไม่แน่นอนที่กดดัน SET Index แม้มีความคืบหน้าขึ้น โดยพรรคเพื่อไทยเตรียมแถลงจับมือ 5 พรรคการเมืองและพรรคชาติไทยพัฒนาในวันนี้และพรุ่งนี้ ตามลำดับ แต่เมื่อรวมเสียงกันแล้วมีเพียง 236 เสียง ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรและไม่เพียงพอต่อการโหวตนายกฯ ส่งผลให้คาดว่าจะมีแรงขายลดความเสี่ยงของนักลงทุนในระหว่างรอให้มีความชัดเจนมากขึ้น สอดรับกับวานนี้ที่นักลงทุน ต่างชาติขายสุทธิ 3,348 ลบ. ซึ่งเป็นการขายสุทธิวันที่ 5 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดี ทางลงของ SET Index คาดจำกัดโดยได้แรงพยุงจากหุ้นในกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบ BRENT ที่ปรับตัวขึ้น 1% สู่ระดับ $86 ต่อบาร์เรล หลัง EIA ได้เผยมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มศก.สหรัฐฯ ในปี 66 และคาดว่าราคาน้ำมันดิบ BRENT โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ $86 ต่อบาร์เรลในช่วง 2H66 เพิ่มขึ้นประมาณ $7 จากคาดการณ์เดิม อีกทั้งคาด SET Index จะมีแรงเก็งกำไรโค้งสุดท้ายของงบ 2Q66 ในหุ้นที่คาดผลประกอบการสดใส
  • กลยุทธ์การลงทุน: 1) คาดงบฯ: AAV, AMATA, BA, BEM, CK, GULF 2) Spending+ท่องเที่ยว: CENTEL, CPN, ERW 3) Defensive play: ADVANC, BCH, BDMS, BH และ 4) Energy play: BANPU, PTTEP, SPRC, TOP

ปัจจัยบวก

  • กองศก.การท่องเที่ยวและกีฬาเผยประเทศไทยมีจํานวนนทท. ต่างชาติสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.- 6 ส.ค. 66 จํานวน 15.90 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนทท.ต่างชาติแล้ว 6.64 แสนลบ.
  • สศช.เร่งดันงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 3.42 แสนลบ. ลงระบบศก.ใน 4Q66 หวังช่วยพยุงศก.ช่วงสูญญากาศทางการเมือง
  • รองโฆษกสํานักนายกฯ เผยที่ประชุมครม. เห็นชอบให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามสามารถอยู่ในราชอาณาจักร และทำงานต่อไปได้ จนถึงวันที่ 30 ก.ย. 66
  • ผลสำรวจของ ECB เผยว่าผู้บริโภคในยูโรโซนได้ลดคาดการณ์เงินเฟ้อลง โดยผู้ตอบแบบสํารวจฉบับเดือนมิ.ย.คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยที่ 3.4% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งลดลงจากการคาดการณ์ 3.9% ในเดือนก่อนหน้า

ปัจจัยลบ

  • เครดิตบูโรเผยหนี้เสียภาคครัวเรือน 2Q66 พุ่งทะลุ 1 ล้านลบ. จาก 1Q66 ที่ 9.5 แสนลบ. คาดหนี้เสียเพิ่มต่อเนื่องหลังจากนี้ จากศก. พื้นตัวไม่เต็มที่ ห่วงหนี้เสียรถยนต์พุ่ง 2 แสนลบ.โต 18%
  • Krungthai COMPASS ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มกลับมาเร่งขึ้นในระยะข้างหน้า อาจทำให้กนง.พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% สู่ระดับ 2.50% ภายในปีนี้
  • Moody’s ลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารสหรัฐฯ 10 แห่ง 1 ขั้น โดยรวมถึง M&T Bank, Pinnacle Financial Partners, Prosperity Bank และ BOK Financial Corp และเตือนว่าขณะนี้กําลังทบทวน อันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารรายใหญ่บางแห่งของสหรัฐฯ
  • การฟื้นตัวของศก.จีนอาจเผชิญกับอุปสรรคจากความเชื่อมั่นและอุปสงค์ในประเทศยังอ่อนแอ เมื่อพิจารณาจากการนําเข้า เดือนก.ค.ที่ -12.4% y-y ซึ่งหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5

PICKS OF THE DAY

ADVANC BUY

  • เป้าหมาย 230.00 / 235.00 แนวรับ 215.00 / 218.00
  • พื้นฐานดี ราคาแกร่งกว่าตลาด: หลังเผยงบ 2Q66 บริษัทมีกำไร 7.18 พันลบ. (+14%y-y) และมองแนวโน้มปีนี้จะเติบโตทุกไตรมาสที่เหลือแบบ y-y และสร้างกำไรปี 66 คาดไว้ที่ 2.85 หมื่นลบ. (+9%y-y) ด้านราคายังแข็งแกร่ง ไม่ปรับตัวลงแรงในช่วงที่มีความผันผวนของดัชนี SET ก่อนหน้านี้ สะท้อนได้จาก Beta ที่อยู่ระดับ 0.68 ซึ่งต่ำกว่า 1 จึงจัดว่าเป็น Defensive Stock เหมาะแก่สภาวะตลาดที่มีความไม่แน่นอนสูง
  • เก็งหุ้นก่อนรับเงินปันผล: บริษัทจะมีการจ่ายเงินปันผล 4 บาทต่อหุ้น จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 18 ส.ค. นี้ ทางฝ่ายจึงมองเหมาะแก่การเข้าซื้อเพื่อขายทำกำไรก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD

BH BUY

  • เป้าหมาย 233.00 / 238.00 แนวรับ 224.00
  • แนวโน้มได้ลูกค้าจากต่างชาติเพิ่มขึ้น: รายได้1Q66 เพิ่มขึ้น +47.5% y-y จากลูกค้าต่างชาติซึ่งโตสูงถึง +104.6% y-y โดยใน1Q66 มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติ 67% ของรายได้รวม จาก 55% ใน 1Q22 เป็นผลจาก กลุ่มMiddle East ที่เพิ่มขึ้น +146.9% y-y และอินโดนีเซีย +59.9% y-y สะท้อนการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งมีสัดส่วน Self-pay สูง หนุนมาร์จิ้นสูงขึ้น
  • ไข้เลือดออกหนุนกำไร BH: จากการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกช่วง 1ม.ค.-8มิ.ย.66 ที่ผ่านมา คาดชดเชยรายได้จากผู้ป่วยภายในประเทศโตที่คาดว่าจะน้อยลงในช่วง 2Q66 จาก Low season
- Advertisement -