บล.ไอร่าฯ เดินเกมรุก ลุยบริการซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศ (Global Trading) จ่อผนึกตลาดหลักทรัพย์โตเกียว จัดสัมมนาดึงนักลงทุนไทยลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น
บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า จำกัด (มหาชน) (“บล.ไอร่าฯ) ประกาศเดินเกมรุกลุยให้บริการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศ (Global Trading) ผ่านทุก Platforms ทั้ง Android, IOS, Desktop และ iPad ตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนที่ชอบเทรดหุ้นนอกชี้พฤติกรรมนักลงทุนช่วง 2-3 ปีเปลี่ยน หันลงทุนตลาดต่างประเทศมากขึ้น เหตุผลตอบแทนสูงและคุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นไทย ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกลุ่มGlobal Trading เป็น 30% ใน 2 ปี จากปัจจุบันประมาณ 10% พร้อมเสิร์ฟข่าวดี เตรียมผนึกกำลังตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange : TSE) จัดงานสัมมนา “Japanese Equity Investment” 24 ส.ค.นี้ ดึงนักลงทุนไทยเข้าลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น
นายไพโรจน์ เหลืองเถลิงพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) (“บล.ไอร่าฯ”) เปิดเผยว่า บล.ไอร่าฯ ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ มีบริการหลากหลายประเภท ทั้งการให้บริการ Traditional Trade ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการขยายไปยังตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศ (Global Trading), ธุรกิจที่สร้างรายได้จากดอกเบี้ย หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ (Margin Loan) การให้บริการด้านวาณิชธนกิจ (Investment Banking) บริการด้านที่ปรึกษาทางการเงินอย่างครบวงจรรวมถึงการให้บริการจัดการกองทุนส่วนบุคคล (Private Wealth Management)
ที่ผ่านมา บล.ไอร่าฯ มีการขยายบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการมุ่งเน้นขับเคลื่อนธุรกิจแพลตฟอร์มซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Global Trading) ลงทุนหุ้นในต่างประเทศ ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต เพื่อเข้าถึงการลงทุนในหุ้น และ ETFs ทั่วโลกโดยปัจจุบันบล.ไอร่ามีฐานลูกค้าในกลุ่ม Global Trading ประมาณ 500-600 ราย และเป็นกลุ่มลูกค้าที่Active มากกว่า 100 ราย ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท หากแบ่งสัดส่วนกลุ่มลูกค้า Global Trading ที่ซื้อขายในตลาดต่างประเทศ อันดับแรกจะเป็นตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ประมาณ 70%, ตลาดหุ้นฮ่องกง ประมาณ 20% และตลาดหุ้นญี่ปุ่นประมาณ10%
การที่บล.ไอร่าฯ หันมาให้ความสำคัญกับ Global Trading เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดดังกล่าว เพราะพฤติกรรมนักลงทุนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเปลี่ยนไปตามเทรนการลงทุนในตลาดโลก ส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มหันมาศึกษาการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศมากขึ้นเพราะการเทรด ในตลาดต่างประเทศให้ผลตอบแทนที่สูงและคุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นไทยโดยมีผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ยในตลาดหุ้นที่สำคัญ YTD (31 ก.ค. 66) เช่น NASDAQ (อเมริกา) สูงถึง 37.1%, NIKKEI (ญี่ปุ่น) 27.1%, S&P500 (อเมริกา) 19.5%, HANG SENG (ฮ่องกง) 1.5% และ FTSE 100 (สหราชอาณาจักร) 3.3% ขณะที่ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยช่วงเดียวกันติดลบ 6.7%
ซึ่งสอดรับกับบล.ไอร่าฯ ที่มีการนำร่องสำหรับการให้บริการในรูปแบบดังกล่าวมาแล้วกว่า 10 ปีปัจจุบัน Global Trading ของ บล.ไอร่าฯ ให้บริการครอบคลุมถึงตลาดหุ้นเกือบทุกประเทศทั่วโลก สามารถดำเนินการซื้อขายได้ด้วยตนเองตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในหุ้นแต่ละบริษัทชั้นนำระดับโลกได้โดยตรง ภายใต้คอนเซ็ปท์ ลงทุนในตลาดโลก ง่าย แค่ปลายนิ้ว เพียงส่งคำสั่งผ่าน platforms ที่ต้องการ อาทิ Mobile Application ทั้ง iOS/Android แบบ Real Time, Desktop Version เริ่มต้นเพียง 100,000 บาท สามารถลงทุนในตลาดหุ้นเกือบทั่วโลก
ปัจจุบัน บล.ไอร่าฯ มีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าของพอร์ตโดยรวมที่สนใจลงทุนในตลาดต่างประเทศ 20-30%โดยนักลงทุนส่วนใหญ่จะลงทุนหุ้นกลุ่มใหม่ๆที่อยู่ในกระแสการลงทุนของตลาดโลก เช่น กลุ่ม Artificial Intelligence (AI), กลุ่ม Semiconductors, กลุ่ม Tech Software, กลุ่ม EV (Electric Vehicle) และหุ้นกลุ่มที่มีความอย่างยั่งยืน (ESG) ซึ่งจากสัดส่วนพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศที่สูงขึ้น ทำให้บริษัทฯตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนGlobal Tradingเป็น 30% ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 10% ของมูลค่าCommission ทั้งพอร์ต
นายไพโรจน์ฯ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า บล.ไอร่าฯ เป็นหนึ่งในธุรกิจกลุ่มการเงิน บริษัท ไอร่า แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA ที่ได้รับความสนใจและความเชื่อมั่นจากบริษัทชั้นนำระดับโลกที่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (International Partner)ผ่านการร่วมลงทุนในแต่ละธุรกิจ โดยกลุ่มพันธมิตรดังกล่าวอยู่ในระดับ TOP 3 ของ กลุ่มอุตสาหกรรมแต่ละประเทศ อาทิ บริษัท AIFUL Corporation ประเทศญี่ปุ่น, บริษัท Eugene Investment & Securities ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทการเงินและวัสดุก่อสร้างชั้นนำจากประเทศเกาหลี, บริษัท Kenedix Asia Private Limited บริษัทจัดการกองทุนและบริหารสินทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น, NEC Capital Solutions Limited (NECAP) บริษัทยักษ์ใหญ่ทางการเงินของประเทศญี่ปุ่นหรือแม้แต่ Travelex จากอังกฤษ ที่ดำเนินธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการให้บริการด้านการเงินที่หลากหลายและครอบคลุมในทุกมิติ
ล่าสุด บล.ไอร่าฯ เตรียมผนึกกำลังกับตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange : TSE) และSumitomo Mitsui Trust Asset Management ในการจัดงานสัมมนาแบบExclusiveในประเทศไทย ในหัวข้อ : Japanese Equity Investment เพื่อแนะนำให้นักลงทุนไทยรู้จักและเข้าไปลงทุนในตลาดญี่ปุ่นมากขึ้น โดยงานจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม 2566 เวลา 17.30 น. ที่โรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพ จะมีวิทยากรร่วมบรรยายจาก 4 แห่ง ได้แก่ Tokyo Stock Exchange , Sumitomo Mitsui Trust Asset Management , Mita Capital (Sinagpore) และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอร่า จำกัด (“AIAM”) มาร่วมพูดคุยเรื่องการลงทุนในญี่ปุ่นและการลงทุนทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม นายไพโรจน์ฯ กล่าวว่า การที่ Tokyo Stock Exchange(TSE) ร่วมเป็นพันธมิตรกับ บล.ไอร่าฯ ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำศักยภาพการของกลุ่ม ไอร่า กรุ๊ป ในการขยายเครือข่ายพันธมิตรต่างประเทศ ซึ่งเป็นการช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ บล.ไอร่าฯ ยังประสานงานกับสถาบันการเงินอื่น ๆ ของญี่ปุ่น ที่มีบริษัทลูกค้าญี่ปุ่นสนใจลงทุนในบริษัทในประเทศไทย ในลักษณะ Direct Investment ซึ่งจะเป็นการเพิ่มนักลงทุนในหุ้นสามัญไทยในช่วงที่บริษัทโดยทั่วไปมีสัดส่วนหนี้สินค่อนข้างสูง โดยที่ผ่านมา บล.ไอร่าฯ ได้ทำ Cross Boarder M&A กับบริษัทญี่ปุ่นมาหลายรายการ ตัวอย่างธุรกิจที่อยู่ในความสนใจ เช่น อาหาร ,การขนส่ง, ไอที, บรรจุภัณฑ์, ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา วิศวกรรมระบบไฟฟ้าและเครื่องกลภายในอาคาร การรักษาความปลอดภัย เป็นต้น
จากปัจจัยบวกครั้งนี้ จะทำให้ “ไอร่า กรุ๊ป” มีผลิตภัณฑ์และบริการจากต่างประเทศที่หลากหลายมากขึ้น ที่สำคัญสามารถขยายฐานกลุ่มนักลงทุนในต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้มากขึ้นด้วย เนื่องจาก Tokyo Stock Exchange เป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่และเป็นที่รู้จักของกลุ่มนักลงทุนทั่วโลก ดังนั้นเชื่อว่าการผนึกกำลังในครั้งนี้จะช่วยดึงนักลงทุนต่างชาติเข้าในประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้นด้วย