บล.บัวหลวง: 

PTT Global Chemical (PTTGC TB/PTTGC.BK)

PTTGC – ขาดทุนไตรมาส 2/66 เป็นไปตามคาด; คาดขาดทุนลดลง QoQ ในไตรมาส 3/66

เป็นไปตามที่เราคาด แต่ขาดทุนมากกว่าตลาดคาด

PTTGC รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 5,591 ล้านบาท พลิกกลับ YoY และ QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ ขาดทุนหลักจะอยู่ที่ 2,600 ล้านบาท พลิกกลับจากรายงานกำไรหลักในไตรมาส 2/65 และขาดทุนเพิ่มขึ้น QoQ ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราคาด (แต่รายงานขาดทุนมากกว่าตลาดคาด 9%)

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ผลการดำเนินงานหลักปรับตัวลดลง ได้แก่ 1) กำไรจากธุรกิจโรงกลั่นที่ลดลง YoY และ QoQ (ค่าการกลั่นที่ลดลง), 2) กำไรจากธุรกิจอะโรเมติกส์ที่ลดลง QoQ (ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พลอยได้ที่ลดลง), 3) กำไรจากธุรกิจโอเลฟินส์ที่ลดลง YoY และ QoQ (ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง), และ 4) กำไรจากธุรกิจ performance chemicalที่ลดลง YoY, 5) ส่วนแบ่งขาดทุน (เทียบกับส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมในไตรมาส 2/65), 6) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.7% จาก 4.6% ในไตรมาส 2/65, และ 5) ดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น

อัตราการใช้กำลังการกลั่นอยู่ที่ 103% เพิ่มขึ้นจาก 98% ในไตรมาส 2/65 (ทรงตัว QoQ) ค่าการกลั่น (market GRM) อยู่ที่ 5.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงจาก 21.1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 2/65 และ 10.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 1/66 กำไรของธุรกิจ อะโรเมติกส์เพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ ในขณะที่กำไรของธุรกิจโอเลฟินส์ อ่อนตัวลง YoY และ QoQ PTTGC รายงานส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม (เทียบกับส่วนแบ่งกำไรในไตรมาส 2/65 และ ขาดทุนเพิ่มขึ้น QoQ) เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนตัวลงของ HMC Polymers Co Ltd, PTT Asahi Chemical Co Ltd, และ AGC Vinythai Plc

แนวโน้ม

เมื่อมองไปยังไตรมาส 3/66 เราคาดว่าบริษัทจะรายงานขาดทุนหลักอีกครั้ง พลิกกลับ YoY เนื่องจากกำไรของธุรกิจโรงกลั่นที่ลดลง (ค่าการกลั่นที่ลดลง) และกำไรของธุรกิจอะโรเมติกส์ที่ลดลง (ปริมาณขายที่ลดลง เนื่องจากการปิดซ่อมโรงงานอะโรเมติกส์ II ตามแผน) แต่ขาดทุนหลักจะลดลงเล็กน้อย QoQ เนื่องจากเราคาดว่ากำไรจากธุรกิจโรงกลั่นจะเพิ่มขึ้น QoQ

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

แม้ PTTGC จะรายงานขาดทุนหลักในครึ่งแรกของปี 2566 ที่ 5,509 ล้านบาท แต่เรายังคงประมาณการขาดทุนสุทธิปี 2566 ไว้ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ที่ 6,140 ล้านบาท เนื่องจากเราคาดว่าผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก HoH ในครึ่งหลังของปี 2566

คำแนะนำ

คาดการณ์ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 2566 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป นอกจากน้ีมูลค่าหุ้นที่ยังคงถูก โดยซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2566 เพียง 0.6 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.1 เท่า อยู่ 1.7 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ซึ่งจะช่วยจากัดความเสี่ยงขาลงของราคาหุ้น สำหรับในระยะยาวการเข้าซื้อกิจการ Allnex จะเป็นก้าวแรกของ PTTGC ในการเปลี่ยนพอร์ตโฟลิโอให้มีผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและผลประกอบการในระยะยาว

- Advertisement -