บล.ฟิลลิป:
TOP : 2Q66 กำไรมากกว่าคาด ครึ่งหลังกลับมาโต
ซื้อ TP’67: 57.50
งบ 2Q กำไรมากกว่าคาดจากรายการพิเศษ โดยทางฝ่ายมองว่าไตรมาสนี้จะเป็นจุดต่ำสุดของกลุ่มโรงกลั่น แต่คาดครึ่งปีหลังจะกลับมาโตได้โดดเด่น เนื่องจากค่าการกลั่นที่กลับมาอยู่ในระดับสูง รวมทั้งต้นทุนน้ำมันที่ปรับลดลง และทางฝ่ายยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”ราคาพื้นฐาน 57.50 บาท
งบรวม | 2Q66 | 1Q66 | 2Q65 | % y-y | % q-q | 6M66 | 6M65 | % y-y |
กําไร | 1,117 | 4,554 | 25,327 | -95.6 | -75.5 | 5,671 | 32,509 | -82.6 |
EPS | 0.50 | 2.04 | 11.34 | -95.6 | -75.5 | 2.54 | 14.55 | -82.6 |
หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- กำไร 2Q66 ดีกว่าคาด: กำไร 20 ออกมา 1,117 ลบ. ดีกว่าคาด เนื่องจากมีรายการพิเศษจากรายได้ภาษี มากกว่าคาดประมาณ 630 ลบ. โดยเป็นการกลับรายการภาษีเป็นรายได้ภาษีเนื่องจากมี FX loss ทั้งนี้ปัจจัย ด้านอื่นๆ เป็นไปตามคาด โดย 1) ธุรกิจโรงกลั่นค่าการกลั่นลดลงสอดคล้องกับโรงกลั่นอื่นๆ จาก 10 USD/bbl เหลือ 4.5 USD/bbl นอกจากนี้ขาดทุนสต๊อกน้ำมันตามคาดที่ 2 USD/bbl คิดเป็นประมาณ 2,000 ลบ. 2) ธุรกิจ Aromatic ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และสารทำความสะอาดใกล้เคียง 1Q66 ที่ 0.9 USD/bbl 3) ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น ส่วนต่างราคา Lube base ลดลงจาก 1.1 USD/bbl ใน 1Q23 เป็น 0.8 USD/bbl
- ค่าการกลั่นและต้นทุนหนุนครึ่งหลัง: ทางฝ่ายคาดการณ์กำไรครึ่งปีหลังจะกลับมาโตได้โดดเด่น จากปัจจัยหนุน ได้แก่ ค่าการกลั่นที่กลับมาอยู่ในขาขึ้นตั้งแต่เริ่มไตรมาส 3 ตามส่วนต่างน้ำมันสำเร็จรูป โดยทั้งน้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน และน้ำมันเครื่องบินที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทน่าจะมีค่าการกลั่นที่สูงกว่า SG GRM เนื่องจากมีต้นทุนน้ำมันที่ต่ำลงตามส่วนต่างราคาน้ำมันดิบ Murban ที่ลดลงในครึ่งปีหลัง ถือว่าปัจจัยด้านค่าการกลั่นและต้นทุนน้ำมันของบริษัทค่อนข้างได้เปรียบโรงกลั่นอื่นๆ สำหรับการเติบโตในครึ่งปีหลัง และปี 67 และทางฝ่ายมีการปรับราคาพื้นฐานจาก 55.8 บาท เป็น 57.50 บาท และคงคำแนะนำ “ซื้อ”