CPT อวดผลประกอบการไตรมาส 2/66 รายได้ 370.07 ล้านบาท พลิกมีกำไร 35.67ล้านบาท ครึ่งปีแรกกำไรโตกระฉูด 726.05% ทิศทางธุรกิจไตรมาส 3/66 โตต่อ ฐานลูกค้าแน่นหลากหลายอุตสาหกรรม พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ครอบคลุมความต้องการลูกค้า ตุน Backlog เกือบ 1,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ถึงปี 2567 เล็งกวาดงานเพิ่มภาครัฐและเอกชน มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท
นายชัยยศ ปิยะวรรณรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPT ผู้ผลิตและจำหน่ายตู้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งตู้ไฟฟ้า และก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย (115KV) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 บริษัทมีรายได้รวม 370.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 330.55 ล้านบาท จำนวน 39.52 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.96% และพลิกทำกำไรสุทธิ 35.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 0.98 ล้านบาท จำนวน 36.65 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 บริษัทมีรายได้รวม 672.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 670.48 ล้านบาท จำนวน 1.89 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.28 % และมีกำไรสุทธิ 41.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.04 ล้านบาท จำนวน 36.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 726.05 %
ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทมีลูกค้ารายใหม่เพิ่ม รวมถึงสามารถส่งมอบงาน และรับรู้รายได้จากงานขายได้มากขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดด จากการบริหารจัดการความเสี่ยง การวางแผนควบคุมค่าใช้จ่ายและมีกำไรจากการขายอาคารคลังสินค้า ประกอบกับจัดการต้นทุนและค่าแรงงานโครงการรับเหมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้น 50.00 ล้านบาท หรืออัตรากำไรขั้นต้น 14.48% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 28.39 ล้านบาท หรืออัตรากำไรขั้นต้น 9.51% ซึ่งถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น
สำหรับทิศทางธุรกิจช่วงไตรมาส 3/2566 แนวโน้มเติบโตดี เนื่องจากบริษัทมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ส่งผลให้มีฐานลูกค้าขยายในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้น EEC อาทิ อุตสาหกรรมรถไฟฟ้า พลังงานทางเลือก ฯลฯ ประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบสนองครอบคลุมความต้องการของลูกค้า
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 1,000 ล้านบาท สามารถทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2567นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการประมูลงานเพิ่มเติมทั้งภาครัฐและเอกชน มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
“ด้วยฐานะการเงินที่มั่นคง มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง บริษัทวางแผนต่อยอดการเติบโต โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรหลายราย ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัท เพื่อต่อยอดธุรกิจให้มีศักยภาพมากขึ้นในอนาคต” นายชัยยศ กล่าว