SFT โชว์ผลงานไตรมาส 2/2566 ทำรายได้ 246.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.22% เดินหน้ารุก Flexible Packaging เต็มที่ หลังได้รับใบรองมาตรฐาน BRC คงเป้าทั้งปีทำรายได้รวม 1,000 ล้านบาท
‘บมจ.ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ SFT’ หนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 ทำรายได้รวม 246.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.22% และมีกำไรสุทธิ 13.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 298 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ หลังมีออเดอร์ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ตอกย้ำศักยภาพการแข่งขันที่แข็งแกร่ง หนุนผลงานครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 481.07 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 16.59 ล้านบาท พร้อมเดินหน้ารุกทำตลาดครึ่งปีหลังโฟกัสทำตลาดบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน หลังได้ใบรับรอง BRC หรือ มาตรฐานด้านความปลอดภัย คุณภาพและการดำเนินการสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร หวังดันเป้าหมายปีนี้ 1,000 ล้านบาทตามแผน
นายซุง ชง ทอย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT หนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 (เมษายน-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้รวม 246.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.22% และมีกำไรสุทธิ 13.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 298% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ซึ่งมีปัจจัยมาจากยอดขายของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปแบบกราเวียร์และแบบดิจิทัล รวมถึงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (Flexible Packaging) หลังจากได้เปิดบูทในงานแสดงสินค้า ThaiFex2023 ช่วยขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ และฐานลูกค้าเดิมในกลุ่มเครื่องดื่มมีออเดอร์เพิ่มขึ้นรองรับช่วงฤดูกาลขายสินค้า นอกจากนี้ ยังมีการทำกิจกรรมพาลูกค้าเข้าเยี่ยมชมฐานการผลิตแห่งที่ 2 ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตและคุณภาพ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ควบคู่กับการบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้การดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 481.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 16.59 ล้านบาท อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ทำให้มีต้นทุนค่าแรงของพนักงานและค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรของโรงงานแห่งใหม่เพิ่มขึ้น
ส่วนทิศทางการดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะมุ่งขับเคลื่อนการเติบโตสู่เป้าหมายรายได้รวม 1,000 ล้านบาท โดยจะนำศักยภาพการผลิตรองรับออเดอร์ของลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปทำให้เกิด Economy of Scale รวมถึงจะมุ่งผลักดันกลุ่มบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนที่จะเห็นการเติบโตขยายตัวอย่างโดดเด่น หลังจากโรงงานแห่งใหม่ได้ใบรับรองมาตรฐาน BRC ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัย คุณภาพ และการดำเนินการสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร เพื่อตอกย้ำถึงมาตรฐานการผลิตที่ได้มาตรฐานในระดับสากล ขณะเดียวกันบริษัทมีนโยบายบริหารจัดการด้านต้นทุนวัตถุดิบโดยสต๊อกวัตถุดิบล่วงหน้า 4-5 เดือน เพื่อบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีผลต่อราคาต้นทุนวัตถุดิบ ตลอดจนการลงทุนติดตั้ง Solar Rooftop ที่ดำเนินการแล้วเสร็จจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ดียิ่งขึ้น