AH เปิดงบครึ่งปีแรก กำไรหลักโต 30.5% เดินเกมปี 66 เติบโตต่อในไทย-ต่างประเทศ ทำ All Time High ตามเป้า เคาะปันผล 70 สต.
AH โชว์ฟอร์มผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 66 รายได้รวม 15,516 ล้านบาท กำไรสุทธิหลัก 896 ล้านบาท บวก 30.5% จากปริมาณคำสั่งซื้อชิ้นส่วนยานยนต์ของลูกค้าที่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง และการเติบโตของยอดขายธุรกิจโชว์รูมรถยนต์ บอร์ดเคาะปันผลระหว่างกาล 0.7 บาท/หุ้น มั่นใจรายได้รวมปี 66 โต 10-15% ตามเป้า จากความต้องการในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น การเติบโตไปกับเทรนด์รถยนต์ EV ในตลาดโลก พร้อมรับลมส่งจากการดำเนินธุรกิจโรงงานผลิตระบบควบคุมการปล่อยไอเสีย และธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากกลุ่มโปรตอนในมาเลเซีย
นาย เย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาปิโก ไฮเทค หรือ AH ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย และธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และ IoT (Internet of Things) รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2566 มีรายได้รวม 7,354 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,009 ล้านบาท หรือเติบโต 15.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิหลัก (ไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน) จำนวน 299 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 มีรายได้รวม 15,516 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,359 ล้านบาท หรือเติบโต 17.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 13,157 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิหลัก (ไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน) 896 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำไว้ 687 ล้านบาท
ภาพรวมครึ่งปีแรก 2566 รายได้ของบริษัทจาก 2 ธุรกิจหลักเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณคำสั่งซื้อชิ้นส่วนยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น ผลพวงจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่และออเดอร์จากต่างประเทศ ส่วนรายได้โชว์รูมรถยนต์ ที่ทางบริษัททำธุรกิจตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการทั้งในไทยและมาเลเซียทั้งหมด 17 แห่ง ยังคงเติบโตสูงจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ทั้ง Ford และ Proton ขณะที่รายได้บริการหลังการขาย ซ่อมสีและตัวถังที่บริษัททำอย่างครบวงจร ก็เพิ่มขึ้นตามปริมาณรถที่เข้าศูนย์บริการ
โดยบริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้มีประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงสนับสนุนหลักจากปริมาณคำสั่งซื้อที่สูงขึ้น การพลิกฟื้นทำกำไร การปรับราคาขายของบริษัทย่อยในโปรตุเกส และการเพิ่มแบรนด์ใหม่เข้ามาในธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ทำให้อัตรากำไรสุทธิหลัก เพิ่มขึ้น 0.5% จาก 5.3% ในครึ่งปีแรก 2565 เป็น 5.8% ในครึ่งปีแรก 2566 ทั้งนี้ บอร์ด AH ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.70 บ. เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 ส.ค. 66 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 13 ก.ย. 66
นายเย็บ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวโน้มไตรมาส 3/66 และภาพรวมครึ่งปีหลัง บริษัทมีแนวโน้มผลประกอบการสดใสต่อเนื่อง จากปริมาณความต้องการชิ้นส่วนยานยนต์ที่แข็งแกร่ง และการรับรู้รายได้เต็มปีของธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ประกอบกับการเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จาก Avee กลุ่มบริษัทโปรตอนในมาเลเซีย ที่ทางอาปิโกได้เข้าไปลงทุนในสัดส่วน 60% เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าการเติบโต ปี 2566 จากส่วนของธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ EV 100% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ EV โลกที่ทาง Goldman Saches คาดไว้ที่ 34% เนื่องจากความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อคุณภาพสินค้าและบริการของอาปิโก ทำให้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อการผลิตสินค้าใหม่ จากลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ ทั้งนี้ บริษัทสามารถส่งมอบคำสั่งซื้อการผลิตตัวถังและชิ้นส่วนรถยนต์ EV ให้กับ VinFast ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนามได้อย่างต่อเนื่อง โดยรายได้ครึ่งปีแรกยังคงเป็นไปตามแผน มั่นใจปีนี้สามารถส่งมอบคำสั่งซื้อได้กว่า 900 ล้านบาท ได้ตามเป้าที่วางไว้ โดยบริษัทมั่นใจว่า การเติบโตของเทรนด์ของยานยนต์ไฟฟ้า จะไม่ส่งผลเสียกับบริษัท ทั้งในระยะสั้นหรือระยะยาว แต่จะเป็นโอกาสที่จะสนับสนุนการเติบโตบริษัทในอนาคต
“อาปิโกมั่นใจรายได้ปี 66 โต 10-15% ทำ All Time High ได้ตามแผน จากกลยุทธ์มุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน ในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูง ราคาเหมาะสม และส่งมอบลูกค้าได้ตรงเวลา ภายใต้นโยบายองค์กร Lean & Happy Company นอกจากนี้ เรายังคงทำงานหนักอย่างต่อเนื่องในการขยายธุรกิจ เพื่อเป้าหมายหลักในการเป็นบริษัทระดับสากล ด้วยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า และการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นที่ไว้วางใจ และด้วยฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้บริษัทได้ปรับอันดับเครดิตของ TRIS Rating จาก BBB+ เป็น A- เป็นอีกแรงขับเคลื่อนที่บอกถึงความพร้อมและศักยภาพของบริษัทในการลงทุนในอนาคต และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนตามกลยุทธ์ที่วางไว้” นาย เย็บ ซู ชวน กล่าว
ทั้งนี้ AH มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล ส่งผลให้ได้ Corporate Governance (CG) ระดับ 5 ดาว หรือ ‘ยอดเยี่ยม’ จากสมาคมส่งเสริมสถาบันบริษัทไทย (IOD) และถูกจัดอยู่ในหุ้นยั่งยืน THSI จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทยังได้ผ่านการรับรอง CAC Certified เป็นองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันที่เข้มแข็ง เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา