บล.ฟิลลิป:
GPSC: กำไร 2Q ลดลง แต่เป็นจุดต่ำสุดของปี
ซื้อ TP’67: 75.00
กำไร 2Q66 ลดลงเหลือ 309 ลบ. เนื่องจากค่าไฟต่อหน่วยลดลง แต่ต้นทุนก๊าซลดลงในสัดส่วนที่น้อยกว่า อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายมองว่า 2Q66 เป็นจุดต่ำสุด และคาดว่าจะเริ่มเห็นต้นทุนค่าก๊าซลดลงในสัดส่วนที่มากกว่า การปรับลงของค่าไฟ ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรครึ่งปีหลัง และทางฝ่ายคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 75 บาท
งบรวม | 2Q66 | 1Q66 | 2Q65 | % y-y | % q-q | 6M66 | 6M65 | % y-y |
กําไร | 309 | 1,118 | 684 | -54.8 | -72.3 | 1,427 | 997 | 43.1 |
EPS | 0.11 | 0.40 | 0.24 | -54.8 | -72.3 | 0.51 | 0.35 | 43.1 |
หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- กำไร 2Q ลดลง : กำไรไตรมาส 2 ลดลงเหลือ 309 ลบ. -72% q-q จากสาเหตุหลัก เนื่องจากค่าไฟต่อหน่วยของโรงไฟฟ้า SPP ที่ลดลงตามการปรับตัวลงของค่า Ft จาก 4.91 บาท/หน่วย เป็น 4.26 บาท/หน่วย อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยช่วยหนุน ได้แก่ ต้นทุนค่าก๊าซที่ลดลงจาก 505 บาท/MMBTU เป็น 445 บาท/MMBTU แต่ไม่สามารถชดเชยรายได้ที่ลดลงได้หมด เนื่องจากโครงสร้างค่าก๊าซของบริษัทที่มี lag time ทำให้ลดลงค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าอื่น นอกจากนี้ต้นทุนถ่านหินของโรงไฟฟ้า SPP เพิ่มขึ้นประมาณ +31% q-q เนื่องจากมีปริมาณการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินมากขึ้น ทั้งนี้มีปัจจัยหนุนจากส่วนแบ่งกำไรในบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น 62 ลบ. โดยปัจจัยหลัก ได้แก่ กำไรจากโรงไฟฟ้า solar farm ในอินเดีย (Avaada) และโรงไฟฟ้านวนครเพิ่มขึ้นรวมกันประมาณ 39 ลบ.
- คาดว่า 2Q เป็นจุดต่ำสุด : ทางฝ่ายมองว่ากำไรไตรมาส 2 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี จากปัจจัยหลัก ได้แก่ ครึ่งปีหลัง ต้นทุนราคาก๊าซที่มี lag time ใน 2Q66 จะเริ่มเห็นการลดลงในสัดส่วนที่มากกว่าค่า Ft ที่ลดลง รวมถึงเข้าสู่ฤดูฝน ช่วยหนุนกำไรโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไชยบุรี นอกจากนี้ทางฝ่ายมองว่าราคาซื้อขายในปัจจุบันค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับราคาพื้นฐาน และน่าจะสะท้อนผลกำไรใน 2Q66 ไปแล้ว ทางฝ่ายคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 75 บาท