บล.บัวหลวง:
Bangkok Commercial Asset Management (BAM TB/BAM.BK)
BAM – ต่ำกว่าคาดมาก; การตั้งสำรองฯมากกว่าคาด
ผลประกอบการต่ำกว่าที่เราคาด แต่เป็นไปตามตลาดคาด
BAM รายงานก่าไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 425 ล้านบาท ลดลง 49% YoY แต่เพิ่มขึ้น 60% QoQ ซึ่งต่ำกว่าที่เราคาด 25% (แต่เป็นไปตามตลาดคาด อ้างอิงจาก Bloomberg) เนื่องจากการตั้งสํารองฯ มากกว่าคาด กำไรครึ่งแรกของปี 2566 คิดเป็น 28% ของประมาณการกำไรเติมของเราที่ 2.4 พันล้านบาท
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
กําไรที่ลดลง YoY เนื่องจากกําไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ลดลง กําไรที่เพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากการขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้น รายได้ไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท ลดลง 15% YoY (กำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ลดลง) แต่เพิ่มขึ้น 4% QoQ (ปัจจัยฤดูกาล) บริษัทรายงานการเรียกเก็บเงินสด 4.1 พันล้านบาทในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 4% YoY และ 28% QoQ หนุนโดยการขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ 850 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY และ 62% QoQ บริษัทรายงานการตั้งสำรองฯ ในไตรมาสนี้ที่ 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY และ 14% QoQ (มากกว่าคาด 13%) เนื่องจาก (การเสื่อมคุณภาพของหนี้) ในไตรมาส 2/66 BAM ใช้เงิน 4.7 พันล้านบาทเพื่อซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ เพิ่มขึ้น 239% YoY และ 78% QoQ สต็อกหนี้รวมอยู่ที่ 9.93 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2566 เพิ่มขึ้น 8% YoY และ 4% QoQ ทั้งนี้ประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ที่ไม่ก่อรายได้ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. ที่ 6.93 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY และ 1% QoQ
แนวโน้ม
เราคาดกําไรไตรมาส 3/66 ที่ 668 ล้านบาท ลดลง 7% YoY (กําไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ลดลงจากฐานที่สูงในไตรมาส 3/65) แต่เพิ่มขึ้น 55% QoQ (กำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลง 14% มาอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท (ลดลง 22% YoY) ซึ่งต่ำกว่าประมาณการตลาดในปัจจุบันถึง 24% อ้างอิงจาก Bloomberg ดังนั้นเราจึงเห็นความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญต่อการปรับลดประมาณการตลาดในช่วงไตรมาส 3/66 เราปรับเพิ่มประมาณการการตั้งสํารองฯ ปี 2566 ขึ้น 8% มาอยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท เนื่องจากการตั้งสำรองของ BAM ในปีปัจจุบันสูงกว่าประมาณการก่อนหน้าของเรา คุณภาพของพอร์ตหนี้ดูเหมือนจะแย่ลง เรายังปรับลดประมาณการกำาไรปี 2567 ลง 10% มาอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10% YoY) และเราปรับลดราคาเป้าหมายปี 2566 จาก 10 บาทเป็น เหลือ 8 บาท
คําแนะนํา
PER ปี 2566 ของ BAM อยู่ที่ 16 เท่า ขณะที่ประมาณการอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกําไรปี 2567-2568 อยู่ที่ 10% โดยมีอัตราส่วน PEG มากกว่า 1.6 เท่า ซึ่งดูเต็มมูลค่าแล้ว ดังนั้น เราจึงปรับลดคําแนะนําจาก ถือ เป็น ขาย ในกลุ่มบริหารจัดการสินทรัพย์ เราคำแนะนำ ซื้อ JMT (ราคาเป้าหมาย 46 บาท) จากกําไรที่แข็งแกร่งในครึ่งหลังของปี 2566 เป็นต้นไป