บล.บัวหลวง:
Chularat Hospital (CHG TB/CHG.BK)
CHG – ไตรมาส 2/66 เป็นไปตามที่เราคาดแต่ต่ำกว่าตลาดคาด; ไตรมาสที่อ่อนแอที่สุดผ่านไปแล้ว
กําไรเป็นไปตามที่เราคาด แต่ต่ำกว่าตลาดคาด 10%
CHG รายงานทําไรหลักไตรมาส 2/66 ที่ 206 ล้านบาท ลดลง 77% YoY และ 14% QoQ ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาด แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 10% (อัตรากําไรขั้นต้นที่ลดลง) CHG ประกาศจ่ายเงินปันผลสําหรับครึ่งแรกของปี 2566 ที่ 0.02 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราตอบแทนจากเงินปันผลที่ 0.7% (จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 ส.ค. และจ่ายปันผลในวันที่ 8 ก.ย.) ในไตรมาส 2/66 CHG เข้าซื้อกิจการ Good Estate Co.,Ltd เพื่อให้บริการทางการแพทย์และสนับสนุนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยหลังการผ่าตัด และการดูแลผู้สูงอายุระยะสั้นและระยะยาว ด้วยมูลค่าการลงทุน 200 ล้านบาท
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
รายได้จากธุรกิจการแพทย์อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ในไตรมาส 2/66 ลดลง 35% YoY แต่เพิ่มขึ้น 5% QoQ เนื่องจากมีโรงพยาบาลเปิดใหม่ในไตรมาส 2/66 ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ แม่สอด (CHM) รายได้ของบริษัทแบ่งได้ เป็นรายได้ผู้ป่วยเงินสด 65% รายได้จากสำนักงานประกันสังคม 33% และ จากสปสช. 2% ซึ่งรายได้ผู้ป่วยเงินสดอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ลดลง 26% YoY แต่เพิ่มขึ้น 1.4% QoQ รายได้จากสำนักงานประกันสังคม อยู่ที่ 596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% YoY และ 6% QoQ หนุนโดยการลงทะเบียนประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น และการปรับอัตราค่าตอบแทนประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น รายได้จากผู้ป่วยของสปสช.อยู่ที่ 38 ล้านบาท ลดลง 97% YoY และ 22% QoQ เนื่องจากรัฐบาลเลิกสนับสนุนทางการเงินสำหรับการดูแลผู้ป่วยเกี่ยวกับโควิด-19 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้อยุ่ที่ 25.9% ปรับตัวลงจาก 47.5% ในไตรมาส 2/65 และ 28.4% ในไตรมาส 1/66 เนื่องจากการบันทึกต้นทุนโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่มีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนมิ.ย. 2566 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 11.9% เพิ่มขึ้น 4.1% YoY และ 0.7% QoQ สถานะเงินสดสุทธิ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 599 ล้านบาท
แนวโน้ม
กําไรในไตรมาส 3/66 จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ โดยรายได้ในไตรมาสนี้จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ (รายได้ประกันสังคมที่สูงขึ้น QoQ จากการลงทะเบียนประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นและการกลับมาของผู้ป่วยในที่มีค่ารักษาพยาบาลที่สูง) ขณะที่อัตรากำไรหลักมีแนวโน้มลดลง YoY (ทรงตัว QoQ) เราคาดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ (ค่าใช้จ่ายจากโรงพยาบาลแห่งใหม่)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
จากผลประกอบการไตรมาส 2/66 ของ CHG ที่ปรับฐานแล้ว (เติบโตเล็กน้อย) ส่งผลให้ประมาณการกำไรหลักในปี 2566 ของเราคงเดิมที่ 1.2 พันล้านบาท (ลดลง 56% YoY) รายได้จากธุรกิจการแพทย์มีแนวโน้มลดลง เหลือ 8.0 พันล้านบาท ลดลง 21% YOY เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงจาก 41.5% ในปี 2565 (31.8% ในไตรมาส 4/65) มาอยู่ที่ 30.2% ในปี 2566 เรายังคงคาดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ 11.0% ในปี 2566
คําแนะนํา
หลังจากราคาหุ้น CHG ปรับตัวลดลง 18.5% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน CHG ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วจากการรายงานกำไรหลักในไตรมาส 2/66 เรามองว่าการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ สิ่งที่ไม่ดีทั้งหมดถูกรายงานไว้ในงบการเงินครึ่งแรกของปี 2566 ปัจจุบัน CHG ซื้อขายที่ PER ปี 2566 เพียง 26.9 เท่า และ PER ปี 2567 ที่ 24.4 เท่า (ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปี 2549-2565 ที่ 31.8 เท่า) เราปรับคำแนะนำ เป็น ชื้อ จาก ถือ ราคาเป้าหมายเดิมที่ 3.60 บาท