ดีที่ไม่ดี คืบหน้าที่ไม่คืบหน้า / 1,505-1,525
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET เคลื่อนที่เข้าสู่แดนลบ ถูกดันจากการเปิดเผยข้อมูลศกที่อ่อนแอของจีน โดยการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือน ก.ค. ขยายตัวเพียง 3.7%y-y และ 2.5%y-y ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าความคาดหวังของตลาด และบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของศก.จีนและอุปสงค์ภายในประเทศมีความเปราะบาง ขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ย MLF ระยะ 1 ปี ของจีนลง 0.15% สู่ระดับ 2.50% วานนี้ สะท้อนให้เห็นว่าจีนมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มศก. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอสังหาฯ ทั้งนี้ความวิตกดังกล่าวยังกดดันราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 1.8% สู่ระดับ 80.99 ต่อบาร์เรล ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ คาด SET Index จะถูกกดดันจาก Sentiment ทางลูบจากฝั่งสหรัฐฯ จาก 1) การที่ Fitch Ratings ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐฯ และ 2) การเปิดเผยยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.7% m-mในเดือนก.ค. แกร่งกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% m-m ซึ่งได้หนุนความกังวลว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปอีกเป็นระยะเวลานาน สอดรับกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 2 และ 10 ปี ที่ดีดตัวขึ้นทดสอบระดับ 5.02% และ 4.27% ตามลำดับ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ดี ติดตามการรายงานการประชุมของเฟดในคืนนี้ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ย ขณะที่การเมืองภายในประเทศยังไม่สามารถเป็นแรงหนุนต่อ SET Index หลังนักลงทุนต่างชาติยังไม่เชื่อมั่น สอดรับกับวานนี้ที่ขายสุทธิ 3.8 พันลบ. โดยต้องติดตาม 1) ศาลรธน.พิจาณาคำร้องมติรัฐสภากรณีเสนอชื่อโหวตนายกฯซ้ำได้หรือไม่ในวันนี้ และ 2) การหาคะแนนเสียงเพิ่มเติมและแบ่งโควต้ารมต.ของเพื่อไทยและพรรคร่วมฯ ซึ่งอาจสะท้อนให้เห็นความคืบหน้าของการเมืองไทย
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) Defensive: ADVANC, BCH, BH 2) ย้ายฐานการผลิต: AMATA, WHA 3) บาทอ่อน: KCE, RBF, SAPPE, TU และ 4) Selective: BLA, COM7, CPALL, JMT
ปัจจัยบวก
- BOI เผยรัฐบาลจีนเห็นชอบให้ฉางอันออโตโมบิล ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI แล้วโดยการลงทุนในเฟสแรกมูลค่ากว่า 8,800 ลบ. เพื่อจัดตั้งฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาทั้ง ประเภท BEV, PHEV, REEV กำลังการผลิตในระยะแรก 1 แสนคัน/ปี
- กองศก.การท่องเที่ยวและกีฬาเผยประเทศไทยมีจำนวนนทท. ต่างชาติสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. – 13 ส.ค. 66 จำนวน 16.47 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนทท.ต่างชาติแล้ว 6.90 แสนลบ.
ปัจจัยลบ
- กรมสรรพสามิตเผยอยู่ระหว่างศึกษาภาษีความเค็ม โดยเป็นการพิจารณาการเก็บภาษีตามปริมาณโซเดียม ซึ่งปัจจุบันเรื่อง ดังกล่าวอยู่ระหว่างการคุยกับกลุ่มแพทย์และสาธารณสุข
- จีนเผยข้อมูลแรงงานประจำเดือนก.ค. แต่ไม่ได้เปิดเผยอัตราว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาว ระบุเพียงว่าอัตราว่างงานโดยรวม ปรับตัวขึ้น 5.3% จากระดับ 5.2% ในเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ การที่จีนประกาศยกเลิกการเผยแพร่อัตราว่างงานในกลุ่มคนหนุ่มสาวนั้นได้ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใสของข้อมูล
- Fitch Ratings เตือนว่าหากมีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของภาคธนาคารสหรัฐฯอีกครั้งหนึ่ง สู่ระดับ A+ จะส่งผลให้ต้องประเมินอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารมากกว่า 70 แห่งในสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารหลายแห่ง รวมถึง J.P. Morgan และ BofA
PICKS OF THE DAY
AMATA BUY
- เป้าหมาย 24.00 / 24.30 แนวรับ 23.00
- ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์จีน-สหรัฐหนุน: ส่งให้ใน 1H66 BOI เผยมีโครงการยื่นรับการส่งเสริมกว่า 3.64 แสนลบ. (+69%y-y) ขณะที่ FDI เผยเงินลงทุน 3.04 แสนลบ. (+141%y-y) กอปรกับข้อมูลเศรษฐกิจจีนเชิงลบมากขึ้น โดยยอดเงินกู้ใหม่สกุลหยวนลดต่ำกว่าเดือน มิ.ย.ที่ 3.05 ล้านล้านหยวนสู่เดือน ก.ค.ที่ 3.46 แสนล้านหยวน เป็น Indicator ที่สะท้อนถึงภาคธุรกิจในจีนเริ่มถูกกดดันจากนโยบายกีดกันการค้า
- งบ 2Q66 กลุ่มสาธารณูปโภคเด่น: โดยส่วนนี้ทำรายได้ 852 ลบ. (+34%y-y) ทางฝ่ายมอง High Season ช่วง 2H66 จะหนุนให้ความต้องการสาธารณูปโภคในนิคมจะยังเพิ่มขึ้น ตามความต้องการซื้อสินค้า
JMT BUY
- เป้าหมาย 45.00 / 47.00 แนวรับ 41.00 / 42.50
- คาด NPL จะมีออกมามาก: จากมาตรการช่วยเหลือ COVID-19 ที่จะทยอยหมดไปเรื่อย ๆ คาดว่าจะทำให้มี NPL ออกมามาก และทำให้ JMT มีโอกาสประมูลซื้อได้ในราคาถูก
- คาดผลประกอบการเติบโตต่อ: กำไร 2Q66 ออกที่ 551 ทำ New high และการที่ได้ NPL มาเพิ่ม และการเก็บหนี้ที่ดีขึ้น ทำให้คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตได้ต่อ