วันนี้คาดตลาด “ลง”

แนวรับ 1,515 / 1,507 แนวต้าน 1,527 / 1,537 Sentiment ลบจากต่างประเทศครอบงำ : ยอดค้าปลีกสหรัฐออกมาสูงเกินคาดมาก สะท้อนเงินเฟ้อสหรัฐยังลงยาก หนุน FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ยยาวนาน / น้ำมันอยู่ในภาพของการปรับฐาน / ต่างชาติขายหุ้นหนักพร้อม Short Futures ลดทอนความหวัง Fund-Flow ไหลเข้า

Our View? “อาการไม่สู้ดี”

คาดตลาดวันนี้ “ลง” มองแนวรับที่บริเวณ 1,515 / 1,507 และแนวต้านที่บริเวณ 1,527 / 1,537 เมื่อคืนนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ค. ออกมาอยู่ที่ระดับ +3.17%YoY/+0.70%MoM มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ค่อนข้างมาก และเป็นภาพการเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง สอดคล้องกับตัวเลขเงินเฟ้อก่อนหน้าผ่านเครื่องมือ CPI และ PPI ที่ออกมามากกว่าคาดเช่นกัน สะท้อนกำลังซื้อในสหรัฐยังคงแข็งแกร่งและทำให้อัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงได้ช้า สนับสนุนคาดการณ์ก่อนหน้าของเราที่คาดว่าตลาดอาจเริ่มกลับมากังวลแนวโน้มการใช้นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในระยะถัดไปได้บ้าง โดยเราประเมินว่าหากสถานการณ์เงินเฟ้อยังอยู่ในลักษณะดังกล่าวคาด FED จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเร็วเท่าใดนัก และอาจคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่ตลาดคาด โดยล่าสุดตลาดเริ่มมีการพูดถึงแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วง 2Q67 แต่เราคาดว่าหากเศรษฐกิจสหรัฐไม่เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 1Q67 คาดมีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับสูงต่อไปได้อีก สะท้อนได้จากการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Bond Yield) ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องล่าสุดรุ่นอายุ 10 ปีทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 4.27% +/- บ่งชี้ตลาดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับสูงต่อไป ทั้งนี้เราแนะนำติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC เดือน ก.ค. ที่ผ่านมาอีกครั้งในคืนที่ 17 ส.ค. นี้ อีกทั้งเราคาดว่าตลาดยังได้รับจิตวิทยาเชิงลบต่อประเด็น Fitch Rating เตรียมปรับอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสหรัฐ จากการผิดนัดชำระหนี้ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง คาดจะกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ต่อ ในส่วนประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ของ Country Garden บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีนผิดนัดชำระหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐครบกำหนดในวันที่ 6 ส.ค. และประกาศระงับการซื้อขายหุ้นกู้ในประเทศ 11 ชุด หลังเผชิญปัญหาหนี้ คาดจะกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีน ขณะที่หาก Country ไม่สามารถ Re-Finance เพื่อหาเงินมาชำระภายในระยะเวลาผ่อนผัน 30 วัน (Grace Period) จะทำให้บริษัทเข้าสู่สถานะการผิดนัดชำระหนี้ มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อทิศทางตลาดในภูมิภาค

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI. ล่วงหน้าส่งมอบเดือน ก.ย. เริ่มอ่อนตัวลงตามที่เราคาดไว้ ปิดที่ระดับ 80.99 ดอลลาร์/บาร์เรล -152 ดอลลาร์ (-1.84%) เรายังคาดว่าสัปดาห์นี้มีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะชะลอตัวลงปรับฐานใหม่หลังปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงก่อนหน้า เรายังคงประเมินแนวโน้มความกังวลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ คาดจะเป็นปัจจัยหนุนแรงขายทำกำไรได้ต่อ อีกทั้งการกลับมาแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐยังเป็นปัจจัยกดดันทิศทางราคาน้ำมันเช่นกัน  อย่างไรก็ดี เรายังคงมุมมองเชิงบวกในระยะกลางของทิศทางราคาน้ำมันจากการที่อุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัว จากการที่ OPEC+ ยังควบคุมนโยบายกำลังการผลิตเข้มงวดต่อเนื่อง ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งและแนวโน้มการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน คาดจะเป็นปัจจัยจำกัด Downside ของราคาน้ำมันดิบได้ และมองเป็นโอกาสในการทยอยซื้อสะสมหุ้นในกลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP และ SPRC) ตามแนวรับสําคัญ

สําหรับปัจจัยภายในประเทศเราคาดตลาดหุ้นไทยอาจเผชิญแรงกดดัน จากแนวโน้มการปรับลดประมาณการของเศรษฐกิจไทยปี’66 ลงจากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ในโซน 3.6-3.7% คาดมีโอกาสถูกทยอยปรับลดมาอยู่ที่ระดับ 3.0-3.5% จากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงส่งผลต่อภาคส่งออก อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองเชิงลบจากการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติเมื่อวานนี้ขายหุ้นไทยหนักอีกครั้งกว่า 3.8 พันล้านบาท รวมทั้งอยู่ในฝั่ง Short SET50 Index Futures กว่า 3.67 หมื่นสัญญา สะท้อนมุมมองเชิงนักลงทุนต่างชาติยังกังวลกับตลาดหุ้นไทยได้ต่อ คาดเป็นปัจจัยลดทอนความหวังเกี่ยวกับ Fundflow ที่จะไหลกลับตลาดหุ้นไทยได้ ขณะที่สัปดาห์นี้แนะนำติดตามการจัดตั้งรัฐบาลต่อคาดจะเห็นความคืบหน้ามากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้เราจะคาดว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แต่เราคาดว่าการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีล่าช้าออกไปมาก คาดจะไม่ทันปีงบประมาณ 67 ในเดือน ต.ค. และส่งผลให้การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนล่าช้าออกไปเป็นปัจจัยลบต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและรับเหมา-ก่อสร้าง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “CBG”

  • กำไร 2Q’66 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดฟื้นตัว 82.5%QoQ สะท้อนทิศทางผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาดช่วงที่เหลือของปีจะยังสามารถฟื้นตัวขึ้นได้ต่อตามยอดขายที่เริ่มกลับมาและมาร์จิ้นดีขึ้น
  • ทางเทคนิค ราคาย่อตัวลงบ้าง หลังขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้น ยังยืนเหนือ EMA10 วัน เครื่องมือ MACD และ SSTO ยังให้สัญญาณซื้อ
  • กลยุทธ์ แนวรับ 72.50 / 71.50 Target 78.00 / 80.00 Stop <70.00

- Advertisement -