บล.บัวหลวง:

Sino-Thai Engineering and Construction STEC TB / STEC.BK

STEC – กำไรต่ำกว่าทุกคาดการณ์ แต่ระยะกลาง ราคาหุ้นมีโอกาสวิ่งดักกระแสการลงทุน

กําไร 2923 ต่ำกว่าที่คาดมาก จากต้นทุนส่วนเพิ่ม

STEC รายงานกำไรสุทธิ/หลัก 2Q23 ที่ 154 ล้านบาท คิดเป็นกําไรหลักลดลง 11%YoY และ 10%QoQ ตากว่าที่เราและตลาดคาด 43% และ 51% ตามล่าดับ เนื่องจากมีต้นทุนส่วนเพิ่มกดดันอัตรากําไรขั้นต้น จากการประมาณการปรับปรุงพื้นที่โครงการสายสีเหลือง และการซ่อมแซมงานอุโมงค์แห่งหนึ่ง (ทั้งนี้ หากดำเนินการเบิกเงินส่วนเพิ่มหรือได้รับเงินจากประกันฯ มีโอกาสกลับรายการในอนาคต)

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

กําไรที่ลดลงทั้ง YoY และ QoQ เกิดจากอัตรากําไรขั้นต้นที่ลดลงอย่างมาก แม้รายได้จากการบริการรวมอยู่ที่ 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY และ 12% QoQ จากการเริ่มงานโครงการใหม่เข้าสู่ช่วงการรับรู้รายได้มีนัยฯ อีก ครั้ง แต่อัตราค่าไรขั้นต้นต่ำเพียง 2.1% (ลดลง 1.9% YoY และ 3.7% QoQ) เกิดจากต้นทุนส่วนเพิ่มที่กล่าวไปข้างต้นเป็นหลัก ขณะที่ SG&A/revenue อยู่ที่ 3.0% ลดลง 22bps YoY (รายได้เพิ่ม) ทรงตัว QoQ นอกจากนี้ พบว่าส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนยังเพิ่มขึ้นมาเป็น 36 ล้านบาท (+184% YoY และ Turnaround QoQ) จากการเริ่มดำเนินงานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งจุดนี้ต้องติดตามข้อมูลต่อไป ว่าจะเป็นรายการเกิดขึ้นครั้งเดียวหรือรายการประจํา

แนวโน้ม

เบื้องต้น ใน 3Q23 เราคาดกําไรฟื้นตัว YoY และ QoQ จากฐานอัตรากําไรขั้นต้น (GM) ที่เพิ่มข้นจากฐานต่ำทั้งใน 3Q22 และ 2Q23 แม้จะไม่มีปันผลจาก GULF เหมือนใน 2Q23 ส่วนรายได้รับเหมาก่อสร้าง ทั้งนี้ เราคาดอัตรา กําไรขั้นต้นจะอยู่ราว 5.2-5.7% หากไม่มีต้นทุนส่วนเพิ่มอีกเหมือนใน 2Q23 ที่ผ่านมา

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

จากผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดมาก เราได้ปรับประมาณการกำาไรหลักทั้งปี 2023 ลง 27% เป็น 699 ล้านบาท (ลดลง 16% YoY) โดยปรับลดสมมติฐานรายได้ลง (สะท้อนโครงการอู่ตะเภาที่คาดว่าไม่ทันปีนี้) และอัตรากำไรขั้นต้น (สะท้อน 2Q23 ที่ออกมาต่ำ) โดยกำาไรหลักใน 1H23 คิดเป็น 46% ของประมาณการกำไรหลักทั้งปีในปัจจุบันของเรา ทั้งนี้ คาดเห็นโอกาสปรับลดประมาณการทําไรจากตลาดลงระดับ 20-30% เช่นกัน

คําแนะนํา

ระยะสั้นราคาหุ้นน่าจะตอบรับเชิงลบจากกำไรต่ำคาดมาก และการปรับลดประมาณการของตลาด จากนั้นจะพบว่าเป็นผลที่เกิดขึ้นใน 2Q23 จะมีส่วนลากยาวไป 2H23 ไม่มากแล้ว และนักลงทุนจะไปให้น้ำหนักที่การประมูลงานโครงการใหม่ๆ ที่คาดหวังว่าจะมีการทยอยนำออกมาปัดฝุ่น หลังมีการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่ง STEC เป็นหุ้น Pure play รับเหมาฯ ที่อิงตาม Sentiment ส่วนมาก โดยในอดีตเคยเห็นการ Re-rate valuation ขึ้นไปได้ระดับ PBV สูงกว่าค่าเฉลี่ยมากถึง 2-3SD (โดยเฉพาะช่วงที่มีกระแส Mega Project) อีกทั้ง STEC ยังมีการร่วมลงทุนโครงการใน EEC ที่อาจกลับมาเป็นกระแสอีกได้ เรายังคงคําแนะนําชี้อ ราคาเป้าหมายใหม่ 12.80 บาท (เดิม 13.00 บาท)

- Advertisement -