GCAP เผยงบ Q2/2566 โชว์ผลงานกำไรต่อเนื่อง ชี้แนวโน้ม H2 สดใส เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ
“บมจ.จี แคปปิตอล หรือ GCAP” เปิดงบไตรมาส 2/2566 โชว์ผลงานกำไรต่อเนื่อง มีกำไรสุทธิ 2.38 ล้านบาท รวมครึ่งปีแรก กำไรสุทธิ 12.39 ล้านบาท ผลจากยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ การบริหารติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพ และต้นทุนทางการเงินที่ลดลง มองแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังสดใส เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นฤดูกาลเก็บเกี่ยว พร้อมรายได้สินเชื่อโดรนเสริมทัพ หนุนภาพรวมสินเชื่อทั้งปีโตตามแผนไม่น้อยกว่า 20% ตั้งธงภาคการเกษตรยังเป็นลูกค้าหลัก เผยขอเลื่อนกำหนดการจัดตั้งบริษัทย่อยกับ AO FUND เลี่ยงสภาวะตลาดหุ้นผันผวน คาดภายในไตรมาส 4/2566 จะเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนมากขึ้น
นายอนุวัตร โกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 2 ปี 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 2.38 ล้านบาท รวมครึ่งปีแรก มีกำไรสุทธิ 12.39 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีกำไรต่อเนื่อง จากการขยายสินเชื่อใหม่, ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และ การจัดการคุณภาพลูกหนี้และการติดตามการชำระหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายได้รวม 47.25 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร 26.24 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงิน 16.10 ล้านบาท
“ในช่วงไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ ปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 47.28 ล้านบาท ผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ราคาพืชผลการเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น และเกษตรกรตัดสินใจซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อรองรับฤดูกาลเพาะปลูก ทำให้มีความต้องการใช้สินเชื่อเพิ่มขึ้น มั่นใจยอดปล่อยสินเชื่อปี 2566 เติบโตไม่น้อยกว่า 20% โดยบริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์การรักษา-ต่อยอดธุรกิจจากฐานลูกค้าเดิม เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ในภาคการเกษตร และการขยายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น สินเชื่อเช่าซื้อที่ครอบคลุมนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นการคัดเลือกคุณภาพลูกหนี้ และบริหารคุณภาพลูกหนี้อย่างเข้มงวด” นายอนุวัตร กล่าว
สำหรับแผนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 ทางบริษัทฯ จะยังคงเน้นการขยายธุรกิจในภาคการเกษตร โดยจะมียอดปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังตามช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ซึ่งนับเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ขณะที่ทิศทางการเติบโตของการใช้งานโดรนการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับยอดปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และเป็นลูกหนี้ที่มีคุณภาพ ซึ่งทั้งหมดจะช่วยสนับสนุนรายได้ของ GCAP ให้เติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ด้านความคืบหน้าของธุรกิจ Non-Lending Business ทางบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้ในส่วนของธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทางบริษัทฯ ได้หารือกับ AO FUND ขอเลื่อนกำหนดการจัดตั้งบริษัทย่อยออกไปก่อน เพื่อเลี่ยงสภาวะตลาดหุ้นผันผวนในขณะนี้ เพื่อลดความเสี่ยง และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักลงทุน โดยบริษัทคาดว่าภายในไตรมาส 4/2566 จะเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนมากขึ้น