ได้วันโหวตนายกฯแล้ว / 1,505-1,525
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET คาดขึ้นก่อนแล้วอ่อนตามเพื่อนบ้าน: วานนี้ประธานสภาเคาะวันโหวตนายกฯ เป็นวันที่ 22 ส.ค. นี้ หลังศาลรัฐธรรมนูญปัดไม่รับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้ไม่ใช่ผู้ได้รับผลกระทบจากประเด็นดังกล่าว ทำให้กลับมาสร้างความหวังในการจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง คาดจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มค้าปลีก อสังหาฯ และกลุ่มก่อสร้าง ให้ปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นในวันนี้ รับความหวังจากการเดินหน้าโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐและนโยบายที่สนับสนุนการใช้จ่าย อาทิ เงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท มองจะช่วยผลักดัน SET Index ขึ้นไปในช่วงแรก ก่อนจะค่อยๆซึมตัวลงตาม Sentiment ลบภายนอก หลังรายงานการประชุมเฟดระบุคณะกรรมการบางส่วนเริ่มกังวลอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอาจกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ แต่ส่วนใหญ่ยังให้น้ำหนักกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมาย 2% ส่งผลให้ 10-Year และ 2-Year US Bond Yields ปรับตัวขึ้นต่อ มองจะกดดันภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยและภูมิภาค ขณะที่ทิศทางนโยบายการเงินของ ธปท. มีโอกาสสวนทางและลดความ hawkish ลง ทั้งนี้ผู้ว่าการธปท.ชี้อัตราดอกเบี้ย 1-3% เป็นระดับที่เหมาะสม และไทยกำลังเดินหน้าเข้าใกล้กรอบดังกล่าว จึงอาจต้องเปลี่ยนโจทย์จากการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เป็นมองหา Good landing แต่ยังไม่ชี้ชัดถึงทิศทางนโยบายการเงิน ย้ำรอจับตาการประชุมกนง.ในครั้งถัดไป จึงมองยังกระทบต่อตลาดหุ้นไทยจำกัด
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) แนวโน้มดีต่อ: BA, BH, SAPPE, THCOM 2) Spending: CBG, CPALL, CPAXT, CPN, ICHI, SABINA 3) หุ้นเกี่ยวเนื่องการเมือง: CK, SC, SIRI, STEC, STPI และ 4) บาทอ่อน: KCE, RBF, TKN, TU
ปัจจัยบวก
- พรรคเพื่อไทย แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เผยว่าเมื่อเป็นรัฐบาลจะเดินหน้านโยบาย Digital Wallet 10,000 บาท อย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน บรรเทาปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน และกระตุ้นศก.ครั้งใหญ่ ให้ระบบศก.กลับมาหมุนเวียนอีกครั้ง
- ยุโรปเผยการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. ขยายตัว 0.5% m-m ส่วนทางที่ตลาดคาดว่าจะหดตัว 0.1% m-m และปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัว 0.2% m-m ในเดือนพ.ค.
ปัจจัยลบ
- ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. อยู่ที่ 92.3 ปรับตัวลดลง จาก 94.1 ในเดือนมิ.ย. และต่ำสุดในรอบ 10 เดือน จากปัญหาหนี้ครัวเรือน และค่าครองชีพอยู่ในระดับสูง
- JP Morgan ปรับเพิ่มคาดการณ์การผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทต่างๆ ในตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก สู่ระดับ 9.7% จากระดับ 6% โดยสาเหตุหลักมาจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่สร้างความกังวลมากขึ้นว่าจะลุกลามไปยังภาคส่วนอื่นๆ
- บลูมเบิร์กเผยว่า บริษัท Zhongrong International Trust Co. ผิดนัดชำระเงิน สําหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินหลายสิบรายการ และย้งไม่มีแผนชดเชยให้ลูกค้าในทันที ซึ่งบ่งชี้ว่าปัญหาภายในธนาคารเงาของจีนนั้นลึกล้ำกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์ประเมินไว้อย่างผิวเผิน
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงหลุด $79 กดดันกลุ่มพลังงานต้นน้ำ
PICKS OF THE DAY
CPALL BUY
- เป้าหมาย 64.75/66.50 แนวรับ 61.00/62.00
- ผลประกอบการใน 2Q66 โต 8.4% y-y, 4.5% q-q: จากการขยายสาขาเพิ่ม 168 แห่ง และSSSG ที่โต 7.9% จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งบรรเทาอากาศร้อนในช่วง 2Q66 ร่วมกับปรับราคาขึ้นของสินค้าในเดือนช่วงปลายเดือน ก.ย.65 ส่งผลให้มาร์จิ้นโดยรวมดีขึ้นเป็น 27.8% จาก 27.3% ใน 1Q66
- ทางฝ่ายคาดกำไรยังมีแนวโน้มจะโตต่อใน 2H66: จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวในครึ่งปีหลังหนุนเพิ่ม Traffic ของร้านสะดวกซื้อโดย เฉพาะสาขาบริเวณแหล่งท่องเที่ยว ร่วมกับแผนขยายสาขาที่เปิดไปแล้วกว่า 377 สาขา ใน 1H66 คาดจะเปิดครบ700 สาขา ภายในสิ้นปี 66 ตามเป้าที่วางไว้
SABINA BUY
- เป้าหมาย 25.00/26.00 แนวรับ 23.50/24.00
- 1H ยอดขายเติบโต: 1H66 กำไร 230 ลบ. (+9%y-y) และมีอัตรากำไรสุทธิ ที่ 13.3% โดยการเติบโตมาจากทั้ง 2 ช่องทางขายหลัก 1) Retail Sale +7.7%y-y และ 2) ช่องทาง Online Store เติบโต 20.9%y-y
- 2H66 มองโตต่อ แนะนำเก็งหุ้นก่อนปันผล: สำหรับช่วง 2H66 ทางบริษัทเตรียม Re-brand ใหม่, รวมถึงได้เข้าถือหุ้น 77% ในบริษัท Moda SBN ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายในฟิลิปปินส์ และเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่กลุ่ม Braless ด้านราคา ทางฝ่ายมองเป็นจังหวะในการเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนจ่ายเงินปันผล 0.66 บาทต่อหุ้น (Dividend Yield 2.7%) ขึ้นเครื่อง หมาย XD วันที่ 28 ส.ค. 66