KS Daily View 18.08.2023 >>> มองดัชนีพักตัวหลังอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ของปีและสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 ประเมินกรอบซื้อขาย 1,520-1,540 จุด หุ้นแนะนำ TOP AAV
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้
ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.84%, S&P 500 -0.77%, NASDAQ -1.17%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Energy (+1.11%) ขณะที่ Consumer discretionary (-1.58%), Consumer staples (-1.01%), Information technology (-0.96%)
ในประเทศ: SET Index +9.25 pts. หรือ +0.61% ปิดที่ 1,528.81 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ BH (+4.42%), AOT (+0.71%), PTT (+0.70%), DELTA (+0.48%) ขณะที่ PTTEP (-1.56%), TOP (-1.44%), KTB (-0.50%), HMPRO (-0.74%)
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
แวดล้อมตลาดต่างประเทศยังดูเป็นลบจากความกังวลบนปัญหาเศรษฐกิจจีน แม้สหรัฐฯประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่ง ขณะที่ด้านบรรยากาศการเมืองไทยภายในประเทศค่อยๆมีพัฒนาการเชิงบวก โดยเตรียมโหวตเลือกนายกรอบ 3 สัปดาห์หน้าและคาดจัดตั้งรัฐบาลได้ภายในสิ้นเดือนนี้ แต่ด้วยดัชนีปรับเพิ่มขึ้นแรงวานนี้กอปรกับอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ของปีและสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 เราคาดดัชนีมีโอกาสพักตัว มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,520/1,540 จุด
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยัน พรรคตอบรับร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยแล้ว หลังจากคณะเจรจาได้เข้าไปพูดคุยกับแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีจุดยืนสำคัญคือจะต้องไม่แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 และจะต้องไม่มีพรรคก้าวไกล (ข่าวบวกหุ้นกลุ่มบริโภคภายในประเทศและกลุ่มการเมืองเช่น CPALL, COM7, STEC, CK)
- สหรัฐฯรายงานตัวเลขภาคการผลิต Philly Fed เพิ่มขึ้นในเดือนส.ค. แตะระดับ 12.0 จุด สูงกกว่าที่ตลาดคาดที่ -9.8 จุด และมากกว่าเดือนก่อนหน้าที่ -13.5 จุด ทั้งนี้เป็นระดับดัชนีที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2565 หรือในรอบ 16 เดือน (ข่าวบวกหุ้นกลุ่มส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ เช่น HANA, KCE)
- กระทรวงพาณิชย์จีนส่งสัญญาณเตรียมตอบโต้คำสั่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการจำกัดการลงทุนด้านเทคโนโลยีชั้นสูงให้จีนจากบริษัทของสหรัฐโดยอ้างเนื่องจากประเด็นด้านความมั่นคงของประเทศ (ข่าวบวกหุ้นกลุ่มนิคมฯ จากลงทุนและการย้ายฐานการผลิต เช่น AMATA)
- สำนักข่าวรายงานทางการจีนมีคำสั่งให้ธนาคารของรัฐเข้าช่วยพยุงค่าเงินหยวนหลังสกุลเงินเผชิญแรงกดดันจนอ่อนค่าค่อนข้างเร็วนับตั้งแต่ต้นเดือนมามุ่งหน้าสู่ระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2007 (ข่าวลบกับค่าเงินในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ หรือ Emerging market รวมถึงไทย)
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้แนะนำกลยุทธ์ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,515 – 1,565 จุด บนความคาดหวังการจัดตั้งรัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทย พร้อมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ดิจิตอลวอลเล็ต 10,000 บาท และการพักชำระหนี้เกษตรกร
หุ้นแนะนำวันนี้
- Top pick: TOP (ราคาพื้นฐาน 55.7 บาท) คาดผลประกอบการไตรมาส 3/2566 ฟื้นตัวแรงจากค่าการกลั่นที่ฟื้นตัวได้ดี กอปรกับคาดบริษัทมีบันทึก inventory gains พลิกจากที่มี inventory loss ในไตรมาสก่อนหน้าหลังราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ เรามองราคาหุ้นปรับลงมามากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังกระแสเงินลงทุนหมุนเปลี่ยนกลุ่มเล่นท่ามกลางความกังวลอุปสงค์จากจีนอ่อนแออีกทั้งราคาพลังงานมีการพักตัวกดดันราคาหุ้น TOP จนทำให้ upside valuation เปิด ขณะที่พื้นฐานหุ้นดีไม่ได้เปลี่ยน เรามองเป็นจังหวะการซื้อลงทุนหรืออย่างน้อยก็สามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้ตามราคาพลังงานที่รีบาวด์ช่วงข้ามคืน
- Top pick: AAV (ราคาพื้นฐาน 3.10 บาท) กำไรหลักในไตรมาสที่ 2/2566 ฟื้นตัวแรงต่อเนื่องหนุนจากจำนวนผู้โดยสารและราคาค่าโดยสารเฉลี่ยที่มีการปรับเพิ่มขึ้น มองไตรมาส 3/2566 ฟื้นตัวต่อตามอุปสงค์ของการท่องเที่ยวที่ยังแข็งแกร่งขณะที่อุปทานเครื่องบินที่จำกัดจะช่วยให้ AAV สามารถเพิ่มค่าโดยสารเฉลี่ยได้อีกเพื่อชดเชยต้นทุนเชื้อเพลิงและภาษีสรรพสามิตที่สูงขึ้น เราประเมินผลประกอบการบริษัทปีนี้ 2566 เติบโตโดดเด่น 107% และกำไรฟื้นกลับมาชัดปีหน้า 2567 โต 380% ขณะที่ราคาหุ้นยัง laggard โดยปรับตัวลงกว่า 10% YTD
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขยอดผลิตและยอดขายรถยนต์ของไทยจากสภาอุตสหกรรม