ไม่น่าผ่าน สว. อีกหน / 1,510-1,525
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET มองลง การเมืองในประเทศคลี่คลาย แต่ไปในทางไม่ดี: ทางฝ่ายมองตลาดจะตอบรับเชิงลบก่อนการโหวตเลือกนายกในวันพรุ่งนี้ คาดมีโอกาสที่ สว. จะไม่โหวตเสียงให้แก่คุณเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย ด้วยเหตุคุณสมบัติรายบุคคลจากประเด็นที่ดิน บ. แสนสิริ และจะทำให้พรุ่งนี้ประเทศไทยจะยังไม่ได้นายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ในวันเดียวกันการเมืองนอกสภาอาจร้อนแรงขึ้น หลังนายทักษิณ ชินวัตรประกาศกลับไทย ทำให้มองภาพนักลงทุนวันนี้จะมีความระมัดระวังท่าทีก่อนทราบความชัดเจน ขณะที่วันนี้สภาพัฒน์จะเผย GDP ไทยงวด 2Q66 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 3%y-y, และคาดการส่งออกไทยจะดีกว่า มิ.ย. ที่-6.4%y-y สู่ ก.ค. -3.1%y-y อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังเสี่ยงถูกหั่นคาดการณ์ GDP ลง จากภาคท่องเที่ยวไทยที่เริ่มหวังการจับจ่ายใช้สอยได้ยากขึ้นในช่วง 2H66 ซึ่งเป็น High Season ด้วยเหตุคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อครึ่งปีหลังอาจฟื้นตัว, ม.หอการค้าคาดปีนี้หนี้ครัวเรือนไทยจะขยายตัวสู่ระดับ 80.2% ของรายได้สอดคล้องกับ NPL ที่มีแนวโน้มเร่งตัวในครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ทางฝั่งจีน ซึ่งเป็นความหวังด้านภาคท่องเที่ยวและคู่ค้าไทย ยังเผชิญความเสี่ยงจากเศรษฐกิจถดถอย นำโดยภาคอสังหาฯ ที่เปราะบาง ซึ่ง Fitch Rating เตรียมหั่นเครดิตขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ทาง PBOC แถลงว่า หลังจากได้ลดอัตราดอกเบี้ย MLF ลงสู่ 2.5% ไปแล้ว ยังต้องเดินหน้าติดตาม และลดความเสี่ยงหนี้รัฐบาลท้องถิ่น อย่างใกล้ชิด จึงคาดฝั่งจีนจะเป็น Sentiment เชิงลบต่อ SET ในวันนี้
- กลยุทธ์การลงทุน: 1) มอง 2H66 ดีต่อ: AH, AMATA, AP, BH, RS, SAWAD, WHA 2) Spending+ท่องเที่ยว: ADVANC, COM7, DOHOME, ERW, MINT, SAPPE, SCB, KKP 3) หุ้นเข้าคำนวนดัชนี FTSE: AURA, EPG, GPSC, NEX, PRINC, TRUE
ปัจจัยบวก
- คณะกก.ประสานงาน (วิป) 3 ฝ่าย เห็นชอบกำหนดการเสนอบุคคลได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 ส.ค. นี้ คาดจะเริ่มลงมติ 15.00 น. ขณะที่การประชุม ครม.เลื่อนไป 23 ส.ค. จึงเป็นภาพชัดเจนการเมืองไทยที่เป็นแรงหนุนต่อดัชนี SET
- ธปท.เผย ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 ส.ค. เพิ่มขึ้นสู่ 7.6 ล้านล้านบาท เพิ่มจากสัปดาห์สิ้นสุด 4 ส.ค.ที่ระดับ 7.58 ล้านล้านบาท มองเป็นแรงหนุนต่อความเชื่อมั่นต่อ ศก. ไทย
ปัจจัยลบ
- อังกฤษเผยยอดค้าปลีกเดือน ก.ค. ลดลงต่ำกว่าคาด -0.5% สู่ -1.2%m-m จากเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง เดือนก.ค. กว่า 6.8% ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้นกดดัน รวมทั้งฤดูฝนที่ทำให้การจับจ่ายใช้สอยลดลง
- Ray Dalio ผจก.กองทุน Bridgewater มอง ศก.จีนยังประสบปัญหาหนี้สิน และจำเป็นต้องปรับโครงสร้างขนาดใหญ่หลังการฟื้นตัวหลังโควิด-19
- Counterpoint Research คาดการณ์ยอดจัดส่ง Smartphone ทั่วโลก ปี 2566 ลดลง 6%y-y สู่ระดับ 1.15 พันล้านเครื่อง จากปัญหาการฟื้นตัวเศรษฐกิจของจีน
- นายวิลเลียมไล่ รองปธน. ไต้หวัน แถลงถึงการเลือกตั้งปธน.ไต้หวันที่จะมีขึ้นในปีหน้าว่า การเลือกตั้งจะมีความเป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแทรงจากจีน
PICKS OF THE DAY
AH BUY
- เป้าหมาย 35.75 / 37.00 แนวรับ 33.50 / 34.00
- 2Q66 รายได้โต 15.9%yy: จากคำสั่งซื้อชิ้นส่วนยานยนต์ที่เติบโต นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จาก ออเดอร์ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และรถรุ่นใหม่ที่เปิดตัว แต่ส่วนแบ่งกำไร บ.ร่วมค้าที่ลดลง และค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เยอะขึ้น จึงทำให้ส่วนกำไรงวด 2Q66 อยู่ที่ 410 ลบ. (+0%y-y)
- เก็งกำไรก่อนปันผล และ 2H66 ยังมองโตต่อ: บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผล 0.70 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD 29 ส.ค. นี้ จึงเป็นจังหวะในการเข้าซื้อเก็งกำไรก่อนจ่ายเงินปันผล สำหรับช่วง 2H66 จะเข้าสู่ช่วง High Season จึงทำให้คาดว่ายอดขายรถยนต์จะเพิ่มขึ้น และหนุนให้ Order เพิ่มขึ้นตาม รวมทั้งบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์จาก Avee ซึ่งเป็น บ.ในกลุ่ม Proton
ERW BUY
- เป้าหมาย 33.50 / 34.00 แนวรับ 5.00
- ท่องเที่ยวจีนหนุนกำไรTurnaround: กำไรสุทธิ 2Q66 โต 202 %y-y เป็น 141.97 ลบ. โดยธุรกิจโรงแรมในประเทศฟื้นตัวจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน และมีอัตราเข้าพักสูงขึ้นเป็น 81% จาก 64% ใน 2Q65 และ ค่าห้องพักเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 1,803 บาทต่อคืน จาก1,320 บาทต่อคืน ซึ่งปัจจัยหลักมาจากกลุ่มโรงแรมชั้นประหยัด, ระดับ กลางและ Hop in ที่มีการปรับฟื้นตัวไวกว่ากลุ่มอื่น
- แนวโน้มกำไรสุทธิ 2H66 โตกว่า 1H66: คาดกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและไทยฟื้นตัวจากการเข้าสู่ High season หนุนโรงแรมระดับหรูฟื้นตัวที่เร็วขึ้นส่งผลให้มาร์จิ้นโดยรวมปรับตัวดีขึ้นกว่า 1H66