บล.บัวหลวง:

True Corporation (TRUE TB/TRUE.BK)

TRUE – แนวโน้ม EBITDA เพิ่มขึ้น HoH บวกกับ Synergy ที่จะมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2566

ด้วยปัจจัยบวกต่างๆ ได้แก่ แนวโน้มการแข่งขันด้านราคาที่ดูทรงตัวมากขึ้น บวกกับการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์ และรายได้บริการรวมผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมกิจการที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกลบต้นทุนจากการควบรวมกิจการ และ EBITDA ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 เราจึงยังคงคําแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” สำหรับหุ้น TRUE

โมเมนตัมการฟื้นตัวของรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือน QoQ; การแข่งขันด้านราคาที่ทรงตัวมากขึ้น

เราคาดว่าการแข่งขันด้านราคาสำหรับทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์มีแนวโน้มทรงตัว HoH ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากความพยายามอย่างต่อเนื่องในการลดโปรโมชั่นที่ให้ส่วนลดการ ยกเลิกแพ็กเกจแบบไม่จำกัดการใช้งานสำหรับแพ็กเกจราคาถูก และการปรับโปรโมชั่นโดยนำเสนอโปรโมชั่นที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า และให้เหมาะสมกับสิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์กับลูกค้า เรายังไม่เห็นสัญญาณของการกลับมาของการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงมากขึ้น โดยในไตรมาส 2/66 รายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนเฉลี่ย (ARPU) ของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ทรงตัว QoQ (-0.02% QoQ ไปอยู่ที่ 201 บาท/ราย/เดือน) หลังจากที่ลดลง 2.5%QoQ ในไตรมาส 1/66 ในขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจบรอดแบนด์เพิ่มขึ้น 2.5% QoQ ไปอยู่ที่ 475 บาท/ราย/เดือน หลังจากปรับลดลง 1.4% QoQ ในไตรมาส 1/66 โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของระบบโพสต์เพด และระบบพรีเพด ปรับเพิ่มขึ้น 0.4% QoQ และ 0.5% QoQ ตามลำดับ ไปอยู่ที่ 416 บาท/ราย/เดือน และ 104 บาท/ราย/เดือน ตามลำดับ สําหรับในไตรมาส 2/66 และภายใต้สมมติว่าสภาพการแข่งขัน ยังคงทรงตัวต่อเนื่องไปในไตรมาส 3/66 เราคาดว่ารายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์ มีแนวโน้มที่จะทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 3/66

ประหยัดงบลงทุน 3 พันล้านบาทตั้งแต่วันที่รวมกิจการ; synergies ที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2566

การดำเนินการสําหรับการควบรวมกิจการ และการรับรู้ผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมกิจการ (synergy) ถือว่ามาในทิศทางและแนวทางที่ถูกต้อง บริษัทได้เสร็จสิ้นการแต่งตั้งบริษัทผู้ค้าเพื่อดำเนินการตามแผนรวมโครงข่าย และได้รับผลบวกจากการประหยัดจากขนาดที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลให้ประหยัดงบลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาทตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค.-มิ.ย. 2566 นอกจากนี้ ยังเห็นผลประโยชน์ร่วมในแง่ของรายได้ที่เพิ่มขึ้นการขายข้ามผลิตภัณฑ์และบริการ MoM และความภักดีของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นจากประสบการณ์ด้านเครือข่ายที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ในแง่ของผู้ใช้งานจำนวน 29 ล้านรายที่ทําการโรมมิ่งบนโครงข่าย TRUE-DTAC และอัตราการใช้งานของ 5 ปีที่เพิ่มขึ้น 12% เราคาดว่าจะเห็นผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมกิจการที่จะเพิ่มขึ้นใน 4 ด้านในไตรมาสถัดไป ซึ่งได้แก่ การเพิ่มการขายไปสู่ผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าสูงขึ้น และการขายข้ามผลิตภัณฑ์และบริการ การยกเลิกการขายโปรโมชั่นการไม่จำกัดการใช้งานและการให้ส่วนลด ประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นผ่านการประหยัดพื้นที่สำนักงาน และการจัดซื้อผ่านผู้ขาย โดยกําหนดราคาใหม่ในแง่ผ่านขนาดของการซื้อที่ใหญ่ขึ้น เรายังคงคาดว่ามูลค่าผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมกิจการ (synergy) สำหรับสมมติฐานในกรณีที่เป็นกรณีพื้นฐานของเราอยู่ที่ 3.12 พันล้านบาทต่อปี และมูลค่าผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมกิจการสําหรับสมมติฐานในกรณีที่ดีที่สุดของเราอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาทต่อปี มูลค่าผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมกิจการของเรายังคงไม่รวมผลประโยชน์ร่วมที่จะมาจากรายได้ ซึ่งจะเกิดจากการขายเพิ่มไปสู่ราคาที่สูงขึ้น และการขายข้ามผลิตภัณฑ์หรือบริการ

งบลงทุนจะลดลงในระยะยาว; EBITDA ครึ่งหลังของปี 2566 ที่จะเติบโต HoH

เราคาดว่า EBITDA ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 มีแนวโน้มที่จะสูงกว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 เนื่องจากรายได้บริการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แนวโน้มค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับโครงข่ายที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพสําหรับต้นทุนอื่นๆ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่ายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในช่วงไตรมาส 2/66 เป็นผลมาจากงบลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนเพื่อเพิ่มคาปาซิตี้ และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับอายุการใช้งานของสินทรัพย์ระหว่าง TRUE และ DTAC แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม งบลงทุนรวมมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในระยะยาวจากการเจรจากับผู้ขายเพื่อให้ได้เงื่อนไขการชำระเงินและราคาที่ดีขึ้น สำหรับ DIF นั้น TRUE ยังคงยืนยันและทำตามเงื่อนไขสัญญาเช่ากับ DIF จนถึงปี 2576 สำหรับในระยะยาว เราคาดว่ามูลค่าของผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมกิจการมีแนวโน้มกลบต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายจากการรวมกิจการซึ่งประเมินไว้ที่ 1-1.5 พันล้านบาท/ปี และส่งผลให้เป็นมูลค่าเพิ่มสุทธิหรือผลบวกสุทธิต่อ TRUE

 

- Advertisement -