วันนี้คาดตลาด “Sideway Up”

แนวรับ 1,536 / 1,527 แนวต้าน 1,550 / 1,563 คาดอาจมีแรงเก็งกำไรตามคาดชัดเจนทางการเมืองบ้าง  อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่างประเทศยังกดดันได้ต่อเนื่องจาก US Bond Yield ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อ และปัญหาเศรษฐกิจจีนกดดัน ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวช้ากว่าคาด คาดจะจำกัด Upside ได้อยู่

Our View? “พอไปได้ แต่ Upside จำกัด”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,536 / 1,527 และแนวต้านที่บริเวณ 1,550 / 1,563 เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้เห็นชอบการแต่งตั้งคุณเศรษฐา ทวีสิน ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยด้วยคะแนน 482/165 (งดออกเสียง 81) มองเป็นความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้แนะนำติดตามการแต่งตั้งครม. ชุดใหม่อีกครั้ง คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นในกลุ่ม Domestic Play อาทิหุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD, TIDLOR, KTC, AEONTS และ BAM) และกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT, TNP และ BJC) จากความคาดหวังในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามเรายังคงมุมมองความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีล่าช้าออกไปมาก คาดจะไม่ทันปีงบประมาณ 67 ใน เดือน ต.ค. และส่งผลให้การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนล่าช้าออกไป ทำให้การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในสิ้นปี’66 เป็นไปได้ยาก คาดจะจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้อยู่ อีกทั้งตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยหนุนในเชิง Valuation หากพิจารณาในแง่ประมาณการกำไรของบจ. ในตลาดล่าสุดหลังจบฤดูกาลประกาศผลประกอบการ 2Q’66 Bloomberg Consensus คาด EPS ตลาดหุ้นไทยปี 66 อยู่ที่ระดับ 89.7 บาท/หุ้น ทำจุดต่ำสุดใหม่ในภาพระยะสั้นต่อเนื่อง ทำให้ Forward PE ปรับตัวขึ้นอีกครั้งล่าสุดอยู่ที่ระดับ 17.2 เท่า บ่งชี้ถึงความน่าสนใจในเชิง Valuation ลดลงต่อเนื่อง

ในส่วนของปัจจัยต่างประเทศ คาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนาน โดยเรายังคงมุมมองหากเศรษฐกิจสหรัฐไม่เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 1Q’67 คาดมีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับสูงต่อไป ทั้งนี้ แนะนำติดตามการประชุมเศรษฐกิจที่ Jackson Hole ในวันที่ 25 ส.ค. นี้ ซึ่งคาดว่าคุณเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มในการปรับใช้นโยบายทางการเงินในระยะถัดไปได้ชัดเจนมากขึ้น ขณะที่เมื่อวานนี้ S&P Global Rating ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารในสหรัฐหลายแห่งลง 1 ระดับ จากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงและการลดลงของเงินฝากในภาคธนาคาร คาดกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้ต่อ

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ล่วงหน้าส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนนี้อ่อนตัวลงปิดที่ระดับ 76.64 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.48 ดอลลาร์ (-0.60%) ยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลอุปสงค์ในจีนลดลงจากการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนยังล่าช้า อีกทั้งยังมีรายงานอิรักและตุรกีกำลังรื้อฟื้นข้อตกลงในการส่งออกน้ำมันจากการระงับการส่งออกน้ำมันของอิรักราว 4.5 แสนบาร์เรล/วัน คาดเป็นปัจจัยกระตุ้นความคาดหวังอุปทานน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้นได้ กดดันทิศทางราคาน้ำมันดิบ-หุ้นในกลุ่มพลังงานได้ อย่างไรก็ดีเรายังคงมุมมองเชิงบวกในระยะกลางของทิศทางราคาน้ำมันจากการที่อุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัวจากการที่ OPEC+ ยังควบคุมนโยบายกำลังการผลิตเข้มงวดต่อเนื่อง ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐในปัจจุบันที่แข็งแกร่งและแนวโน้มการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนในระยะถัดไป คาดจะเป็นปัจจัยจำกัด Downside ของราคาน้ำมันดิบได้ แนะนำรอทยอยซื้อสะสมหุ้นในกลุ่มพลังงานตามแนวรับสำคัญ

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “CPAXT”

  • เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อ 2H’66 จากต้นทุนค่าไฟลดลง รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายที่คาดจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งแนวโน้มรัฐบาลใหม่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • ทางเทคนิคราคา Breakout แนวต้านที่เส้นแนวโน้มขาลงทำจุดสูงสุดใหม่พร้อม Vol. หนาแน่น ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ SSTO ให้สัญญาณซื้อ
  • กลยุทธ์ แนวรับ 35.50 / 34.50 Target 38.00 / 40.00 Stop <34.00

- Advertisement -