บล.กรุงศรีฯ:

INVESTMENT STRATEGY – คุณเศรษฐา ทวีสิน ได้รับเลือกเป็นนายกฯ, เกิดอะไรต่อไปจากนี้?

What’s new? 

  • คุณเศรษฐา ทวีสิน ได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย ด้วยคะแนนเสียง 482 เสียง จากสมาชิกสภาผู้แทนและ สมาชิกวุฒิสภาทั้งหมก 747 ท่าน ไทยจะมีรัฐบาลที่ทำหน้าที่เต็มรูปแบบในไม่ช้าหลังจากผ่านไปสามเดือนที่ท้าทาย ข่าวดังกล่าวกระตุ้นความเชื่อมั่นของตลาด และส่งผลให้ SET Index พุ่งขึ้นเกือบ 20 จุดเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของตลาดเบื้องต้นที่หลายคนตั้งตารอคอย อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายอีกหลายประการที่จะทดสอบความสามารถของ คุณเศรษฐา ทวีสิน ในการจัดการนโยบายเศรษฐกิจ และ เสถียรภาพทางสังคมของประเทศไทย

 

Analysis

  • ทิศทางตลาด – ตามที่กล่าวไว้ในรายงานกลยุทธ์การลงทุนของเรา ความไม่แน่นอนทางการเมืองกดดันโมเมนตัมของตลาดได้ จากการที่ SET Index ร่วงจากจุดสูงสุดของปี ที่ระดับ 1,691 (ก่อนเลือกตั้ง) เหลือต่ำสุดที่ 1,466 หลังการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม พัฒนาการล่าสุดจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับตลาด การวิเคราะห์ของเราที่ใช้ดัชนีความเสี่ยงทางการเมืองของประเทศไทยมาเป็นตัวแปรสำคัญในการทำนายทิศทางของ SET Index ชี้ว่าความเสี่ยงทางการเมืองที่ลดลงจะช่วยหนุนดัชนีให้ขึ้นไปที่ 1,580-1,600 (ที่ PE 15.7 เท่า) ใกล้เคียงกับเดือนพ.ค. ปีนี้ นี่จะเป็นแนวต้านแรก เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของดัชนีที่เกินกว่าจุดนั้นจะต้องมีความชัดเจนมากขึ้นในนโยบายเศรษฐกิจ รวมถึงการอนุมัติและเบิกจ่ายงบประมาณตามปกติ ประมาณการที่ดีที่สุดชี้ว่าการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2024 จะเริ่มใน 1Q24 นี่หมายถึงสุญญากาศการใช้จ่าย 6-7 เดือน
  • กลยุทธ์การลงทุน – ตลาดอาจปรับตัวขึ้นต่อได้ในระยะสั้น เราแนะนำให้พิจารณาในสองประเด็นหลัก: (1) หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายที่คาดการณ์ไว้ และ (2) หุ้นที่มีการปรับตัวของราคายังล้าหลัง แต่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งพร้อมการกลับมาของเสถียรภาพทางการเมือง หมวดแรกเราชอบหุ้นกลุ่มพาณิชย์ (CPALL, BJC, CPAXT), ก่อสร้าง (STEC, CK), นิคมอุตสาหกรรม (WHA, AMATA) และ ICT (ADVANCE, TRUE) สำหรับหุ้น laggard เราชอบ VGI, CPAXT, BJC และ CPALL (ดูทั้งหมดได้ในตารางที่ 2 และ 4)
ยังมีความท้าทายอีกมากมายรออยู่ข้างหน้า หลังจากที่บรรยากาศทางการเมืองคลี่คลาย เราต้องกลับมาให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ แนวโน้มการส่งออก รวมถึงทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยอีกครั้ง การฟื้นตัวที่ล้าช้าของเราคือการที่ธนาคารกลางผลักดันอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เกินกว่าที่เศรษฐกิจในประเทศจะสามารถรองรับได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้
- Advertisement -