บล.บัวหลวง:

Retail Finance – แนวโน้มครึ่งหลังของปี 2566 เติบโตแบบชะลอความแรงลง (UNDERWEIGHT)

มูลค่าหุ้น KTC, MTC และ SAWAD ตึงตัวเล็กน้อย และเรายังคงระมัดระวังความเสี่ยงที่สัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3/66 เราปรับลดน้ำหนักการลงทุนกลุ่มฯ ลงเป็น “น้อยกว่าตลาด” จากเดิม “เท่ากับตลาด” ปัจจุบันเราแนะนํา ชื้อ เพียง TIDLOR

กําไรรวมไตรมาส 2/66 เป็นไปตามที่เราคาด

หุ้นกลุ่มการเงินรายย่อยทั้ง 4 บริษัทที่เราให้คำแนะนำ รายงานกำไรสุทธิรวมไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท ลดลง 4% YoY และทรงตัว QoQ กำไรรวมเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด (อ้างอิงจาก Bloomberg) กําไรของ MTC สูงกว่าที่เราคาด เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อที่เร็วขึ้น และ NIM ที่สูงกว่าที่เราคาด ในทางตรงกันข้าม ผลประกอบการของ SAWAD ต่ำกว่าที่เราคาด 5% สาเหตุหลักมาจากการตั้งสำรองฯ มากกว่าคาด กำไรของ KTC และ TIDLOR เป็นไปตามที่เราคาด

สัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3/66

สัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มการเงินรายย่อยที่เราให้คําแนะนําเพิ่มขึ้นจาก 2.3% ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2566 มาอยู่ที่ 2.5% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. อัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้เสียเฉลี่ยลดลงจาก 198.1% ณ สิ้นเดือน มี.ค. มาอยู่ที่ 184.2% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. ตัวเลขดังกล่าว บ่งชี้ถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลง เราคาดว่าสัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3/66 เราคาดสัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมของ TIDLOR จะถึงจุดพีค ณ สิ้นเดือน ก.ย. และอัตราส่วนของ MTC จะถึงจุดพีค ณ สิ้นปี 2566 สัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมของ SAWAD มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสู่ระดับปกติที่ 3-3.5% ในปีหน้า

กําไรรวมไตรมาส 3/66 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2% YoY และ 2% QoQ

เราคาดกำไรสุทธิรวมไตรมาส 3/66 ของหุ้นกลุ่มการเงินรายย่อยที่เราให้แนะนำจะอยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY และ 2% QoQ หนุนโดยการเติบโตของสินเชื่อที่ 29% YoY และ 5% QoQ เนื่องจากอุปสงค์สินเชื่อที่ แข็งแกร่ง  การขยายตัวของสินเชื่อจะกลบผลกระทบของ NIM เฉลี่ยในไตรมาส 3/66 ที่ 13.89% ลดลง 64bps YoY และ 14bps QoQ เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น เราคาดอัตราการตั้งสำรองเฉลี่ยในไตรมาสนี้อยู่ที่ 3.8% เพิ่มขึ้น 58bps YoY แต่ลดลง 16bps QoQ เราคาดว่า TIDLOR จะเป็นผู้นำกำไรเติบโต 5% YoY และ 2% QoQ ตามด้วย KTC (เพิ่มขึ้น 3% YoY และทรงตัว QoQ) MTC และ SAWAD มีแนวโน้มรายงานกําไรสุทธิทรงตัว YoY และ QoQ ในไตรมาสนี้

มูลค่าหุ้นไม่น่าสนใจ

KTC, MTC และ SAWAD ต่างแตะราคาเป้าหมายของเราแล้ว และเราไม่เห็นอัพไซด์ต่อมูลค่าหุ้นมากนัก นอกจากนี้เรายังกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่คุณภาพสินทรัพย์จะเสื่อมถอยลงต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 3/66 มูลค่าหุ้นกลุ่มการเงินรายย่อยที่เราให้คำแนะนำตึงตัวเล็กน้อย โดย PER ปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ 17 เท่า และอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรปี 2567-2568 อยู่ที่ 14% ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน PEG ที่ 1.2 เท่า ปัจจุบันเราแนะนำซื้อเพียงหุ้น TIDLOR เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง โดยซื้อขายที่ PER ปี 2566 ที่ 17 เท่า ในขณะที่อัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรปี 2567-2568 อยู่ที่ 17% ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน PEG ที่ 1.0 เท่า

- Advertisement -