วันนี้คาดตลาด “แกว่งขึ้นต่อ”

แนวรับ 1,543 / 1,536 แนวต้าน 1,555 / 1,563 ได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศ ตาม US Bond Yield เริ่มลดลง / ราคาน้ำมันดิบยังอ่อนตัวลงต่อ / การเมืองในประเทศสดใสมากขึ้น หนุนแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ปรับตัวขึ้นได้ต่อ

OurView? “ยังไปได้”

คาดตลาดวันนี้ “แกว่งขึ้น” มองแนวรับที่บริเวณ 1,543 / 1,536 และแนวต้านที่บริเวณ 1,555 / 1,563 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงบวกตามทิศทางตลาดต่างประเทศหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US Bond Yield) เริ่มชะลอตัวลงเมื่อคืนนี้วกตัวลงแรงปิดที่ระดับ 4.19%+/- จากการขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 4.36%+/- หลังความกังวลในการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานของ FED คาดจะเป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้นได้ อย่างไรก็ดีเรายังแนะนำติดตามการประชุมเศรษฐกิจที่ Jackson Hole ในวันที่ 25 ส.ค. นี้ ซึ่งคาดว่าคุณเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มในการปรับใช้นโยบายทางการเงินในระยะถัดไปได้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้เรายังคงมุมมองหากเศรษฐกิจสหรัฐไม่เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 1Q’67 คาดมีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับสูงต่อไป ขณะที่คืนนี้แนะนำติดตามตัวเลขการจ้างงานรายสัปดาห์ต่อ

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI. ล่วงหน้าส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนนี้อ่อนตัวลงต่อปิดที่ระดับ 77.62 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.75 ดอลลาร์ (-0.94%) เมื่อคืนนี้สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 6.13 ล้านบาร์เรล แต่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.46 ล้านบาร์เรลสวนทางจากที่ตลาดคาดจะลดลง 7.15 แสนบาร์เรล สะท้อนอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐชะลอตัวลง อีกทั้งการรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิต (PMI) เดือน ส.ค. โดย S&P Global ออกมา 47.0 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดและต่ำกว่าระดับ 50.0 สะท้อนแนวโน้มภาคการผลิตสหรัฐหดตัวลงต่อส่งผลต่อคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในสหรัฐได้ คาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมันดิบ-หุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงได้ต่อในระยะสั้น

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเห็นชอบการแต่งตั้งคุณเศรษฐา ทวีสิน ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย มองเป็นความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้แนะนำติดตามการแต่งตั้งครม. ชุดใหม่อีกครั้ง คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นในกลุ่ม Domestic Play อาทิหุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD, TIDLOR, KTC, AEONTS และ BAM) และกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT, TNP และ BJC) จากความคาดหวังในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตามเรายังคงมุมมองความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีล่าช้าออกไปมาก คาดจะไม่ทันปีงบประมาณ’67 ในเดือน ต.ค. และส่งผลให้การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนล่าช้าออกไปทำให้การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในสิ้นปี’66 เป็นไปได้ยาก คาดจะจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้อยู่

อีกทั้งตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยหนุนในเชิง Valuation หากพิจารณาในแง่ประมาณการกำไรของบจ. ในตลาดล่าสุดหลังจบฤดูกาลประกาศผลประกอบการ 2Q’66 Bloomberg Consensus คาด EPS ตลาดหุ้นไทยปี’66 อยู่ที่ระดับ 89.6 บาท/หุ้น ทำจุดต่ำสุดใหม่ในภาพระยะสั้นต่อเนื่อง ทำให้ Forward PE ปรับตัวขึ้นอีกครั้งล่าสุดอยู่ที่ระดับ 17.3 เท่า บ่งชี้ถึงความน่าสนใจในเชิง Valuation ลดลงต่อเนื่อง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “MTC”

  • คาดจะได้รับแรงเก็งกำไรจากแนวโน้มการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ อีกทั้ง การที่ GDP 2Q’66 ของไทยอ่อนแอ คาดจะกระตุ้นการพูดถึงแนวโน้ม กนง. จะหยุดขึ้นดอกเบี้ย เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อ MTC
  • ทางเทคนิค ราคายืนตัวได้เหนือแนวรับที่จุดสูงสุดก่อนหน้าพยายามวกตัวขึ้น MACD และ SSTO ให้สัญญาณซื้อ
  • กลยุทธ์ แนวรับ 40.00 / 39.00 Target 42.00 / 45.50 Stop <38.00

- Advertisement -