KS Daily View 24.08.2023 >>> แนวโน้มหลักตลาดยังเป็นการค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่คาดดัชนีวันนี้แกว่งพักตัวบ้างหลังวิ่งขึ้นแรงตอบสนองการเมืองคลี่คลาย  ประเมินกรอบซื้อขาย 1,540/1,560  หุ้นแนะนำ TIDLOR SAK

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

  • ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.54%, S&P 500 +1.10%, NASDAQ +1.59%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 Information technology (+1.92%), Communication services (+1.90%), Real estate (+1.46%) ขณะที่ Energy (-0.30%)
  • ในประเทศ: SET Index +3.41 pts. หรือ +0.22% ปิดที่ 1,549.01 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ AOT (+1.41%), CPALL (+1.94%), SCB (+2.62%), BYD (+22.14%) ขณะที่ DELTA (-1.90%), PTT (-1.38%), IVL (-4.13%), INTUCH (-2.67%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

แนวโน้มหลักของตลาดเรามองยังเป็นการค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามพัฒนาการเชิงบวกทางการเมืองไทยหลังได้นายกใหม่และเตรียมจัดตั้งรัฐบาลเสร็จภายในสิ้นเดือน อย่างไรก็ดี มองดัชนีอาจมีการพักตัวบ้างหลังปรับขึ้นแรงมา 3 วัน รวมราว 30 จุด มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,535/1,555-60 จุด ประเมินหุ้นกลุ่ม ค้าปลีก, อาหาร, การเงิน, รับเหมาก่อสร้าง และ ยานยนต์ เป็นกลุ่มนำ

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  • ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เห็นชอบในการแต่งตั้งให้ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา
  • น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เปิดเผยกับสำนักข่าว กรณีมีการแชร์ข้อความว่าพรรคเพื่อไทยจะพับแผนนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล digital wallet 10,000 บาท โดยยืนยันว่านโยบายเงินดิจิทัล 10,000 เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล แต่คาดว่าต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เชื่อว่าขั้นต่ำจะสามารถทำได้ใน 6 เดือน เพราะต้องจัดทำระบบบล็อกเชน (blockchain) รวมทั้งจะต้องหารือกับส่วนราชการต่างๆ ในการหาวิธีกระจายงบประมาณ มาเพื่อรองรับนโยบายเงินดิจิทัลให้พอจ่าย
  • ภายหลังโหวตนายกผ่านมีกระแสภาครัฐเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลากหลายทั้ง digital wallet 10,000 บาท, พัฒนาตลาดทุน ปรับปรุง SSF พร้อมเสนอลดหย่อนภาษีเพิ่มแรงจูงใจ, ชงวีซ่าให้ชาวต่างชาติอยู่ไทยได้ 5 ปีหากซื้ออสังหาฯคอนโดห้องชุดเกิน 5 ล้านบาทเป็นต้น มาตรการโดยรวมที่มีข่าวอาจทำได้บ้างแม้ไม่ทั้งหมดหรืออาจใช้เวลากว่าจะมีการนำมาใช้ในทางปฏิบัติ เชื่อเป็นบวกช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตลาดเงินตลาดทุนโดยรวม
  • ทั้งยุโรปและสหรัฐฯรายงานตัวเลขภาคการผลิตและภาคการบริการเบื้องต้นของเดือนส.ค.วานนี้ โดยยุโรปรายงานตัวเลข Flash PMI ภาคการผลิตที่ 43.7 จุด สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 42.8 จุดและดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 42.7 จุด ขณะที่ตัวเลข Flash PMI ภาคบริการปรับตัวลดลงแรงสู่ระดับหดตัวที่ 48.3 จุด ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 50.6 จุดและน้อยกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 50.9 จุด โดยเป็นการปรับตัวลงสู่ระดับหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2565
  • ด้านฝั่งสหรัฐฯ รายงานตัวเลขอ่อนแอลงทั้งสองชุดและต่ำกว่าที่ตลาดประเมิน โดย Flash PMI ภาคการผลิตอยู่ที่ 47.0 จุด ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 48.9 จุดและน้อยกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 49.0 จุด เช่นเดียวกับตัวเลข Flash PMI ภาคบริการปรับลงสู่ระดับ 51.0 จุด ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 52.1 จุดและน้อยกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 52.3 จุด ข้อมูล PMI ที่อ่อนแอของฝั่งสหรัฐฯและยุโรป ทำให้ตลาดตีความว่าเฟดจะหยุดขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ US 10Y BY ปรับลดลง 13bps เป็น 4.20% และ Dollar index อ่อนค่าลง -0.14% เป็น 103.45 หนุนตลาดหุ้นโลกฟื้นตัว

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

สัปดาห์นี้แนะนำกลยุทธ์ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หรือมีแนวโน้มผลประกอบการ 2H23 ฟื้นตัวขึ้น ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,515 – 1,550 จุด แม้ปัจจัยภายนอกเรื่องอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่พุ่งสูงขึ้น และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนยังเป็นปัจจัยกดดัน แต่คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะ outperform ตลาดหุ้นโลกบนความคาดหวังการจัดตั้งรัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทย พร้อมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

หุ้นแนะนำวันนี้

  • Top pick: TIDLOR (ราคาพื้นฐาน 30 บาท) ประเด็นกังวลสถานการณ์เรื่องคุณภาพสินทรัพย์ลดลงหลัง NPL และ credit cost ใกล้แตะระดับสูงสุด ขณะที่ประเมินโมเมนตัมการเติบโตของสินเชื่อกลับมาแข็งแกร่ง ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/2566 จะฟื้นตัวขึ้น QoQ และมองไกลกว่านั้นคาดผลประกอบการขยายตัวแรงต่อหนุนจากทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (non-NII) ที่คาดเพิ่มขึ้น อีกทั้งคุณภาพสินทรัพย์ที่ฟื้นตัวจะส่งผลให้ credit cost ลดลง
  • Top pick: SAK (ราคาพื้นฐาน 6.4 บาท) ราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรงกว่าไรลงราว 20% YTD บนความกังวลกำลังซื้อของกลุ่มรากหญ้าและคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลงช่วงต้นปี อย่างไรก็ดีภาพแนวโน้มธุรกิจคาดจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลังโดยเรามอง NPL เริ่มควบคุมได้ ทำให้ credit cost ในช่วงครึ่งปีหลังจะต่ำกว่าครึ่งปีแรก อีกทั้งราคาสินค้าเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและ
- Advertisement -