บล.ฟิลลิป:

ราชธานีลิสซิ่ง – THANI 2H66 จะดีกว่า 1H66

Key Point

ยังคงเป้าสินเชื่อปี 66 ไว้ที่ 3 หมื่นลบ. จาก 1H66 ที่ปล่อยได้แล้ว 1.6 หมื่นลบ. แต่คาดว่า 2H66 สินเชื่อจะเร่งตัวขึ้นจากการกลับมาลงทุนอีกครั้งของลูกค้า และมีผู้ประกอบการบางรายหยุดดำเนินธุรกิจไป NPL อาจจะยังเพิ่มสูงขึ้นได้ต่อ แต่จะรักษาระดับไว้ไม่ให้เงิน 3% ในขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอาจจะลดลงจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น ยังคงประมาณการกำไร และราคาพื้นฐาน 3.50 บาท แต่ส่วนต่างเหลือน้อยลง จึงปรับลดคำแนะนำลงมาเป็น “ทยอยซื้อ”

ยังคงเป้าสินเชื่อปี 66

THANI ยังคงตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ไว้ที่ 1 หมื่นลบ. จาก 3H66 ที่ปล่อยได้แล้ว 1.6 หมื่นลบ. โดยทางบริษัทมองว่าครึ่งปีหลังยอดขายรถบรรทุก และ Super car จะฟื้นตัวขึ้น และทำให้สินเชื่อเร่งตัวขึ้น นอกเหนือจากนี้ด้วย NPL ที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมาจะทำให้มีผู้ประกอบการบางรายชะลอหรือหยุดการทำธุรกิจไป ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของ THANI เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สินเชื่อเร่งตัวขึ้นได้อีกทางหนึ่ง

NPL อาจเพิ่มสูงขึ้นต่อ

NPL ของ THANI เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 65 ที่มีอยู่ 2.51% มาเป็น 2.66% ใน 2Q66 โดย NPL ที่เพิ่มขึ้น นอกจากจะเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นผลมาจากเกณฑ์ Market conduct ของ ธปท. ที่ทำให้ไม่สามารถไปตามทวงหนี้กับลูกค้าได้ ทำให้บริษัทนั้นจะติดตามทวงถามได้เมื่อสินเชื่อกลายเป็น NPL แล้ว ซึ่งจากเกณฑ์ดังกล่าวนอกจากจะทำให้ NPL เพิ่มสูงขึ้น ยังทำให้บริษัทมีการยึดรถเพิ่มมากขึ้น และเมื่อรถยึดเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ราคาขายลดต่ำลง ส่งผลให้มีผลขาดทุนจากการขายรถยึดเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ทางผู้บริหารมองว่า NPL อาจจะยังเพิ่มสูงขึ้นได้อีกในช่วงที่เหลือของปี แต่จะพยายามควบคุมให้ไม่เกิน 3% และการที่ได้รัฐบาลแล้ว อาจจะทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น

มีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นแล้ว แต่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอาจจะลดลง

ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น THANI ก็ได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นในหลายผลิตภัณฑ์แล้ว อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นยังทำได้ค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น และทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาปรับลดลง โดยลดลงจาก 4.85% ณ สิ้นปี 65 เหลือ 4.62% ใน 2Q65 ซึ่งส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอาจจะลดลงได้ต่อ อย่างไรก็ตามหากสินเชื่อเร่งตัวขึ้นจะช่วยทำให้ผลตอบแทนสินเชื่อปรับเพิ่มขึ้นได้

ยังคงประมาณการและราคาพื้นฐาน

ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 66 ของ THANI ไว้ที่ 1.8 พันลบ. เพิ่มขึ้นไม่มากเพียง 1.1% y-y เนื่องจากการตั้งสำรองที่เพิ่มสูงขึ้น และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และยังคงราคาพื้นฐานไว้ที่ 3.50 บาท มีส่วนต่างลดลง ปรับลดคำแนะนำลงมาเป็น “ทยอยซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย
  2. ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงสินเชื่อจากสถาบันการเงินเป็นหลัก
  3. ความเสี่ยงด้านคุณภาพของลูกหนี้
- Advertisement -