วันนี้คาดตลาด “Sideways”
แนวรับ 1,550 / 1,543 แนวต้าน 1,563 / 1,570 คุณเจอโรม พาวเวล แถลงเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด หนุนแรงซื้อกลับทิศทางสินทรัพยเ์สี่ยงในระยะสั้น สอดคล้องกับ US Bond Yield ที่เริ่มชะลอตัวลง ขณะที่ราคาน้ำมันพยายามฟื้นตัวขึ้น หนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นได้ ส่วนการเมืองในประเทศส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น
Our View? “เจ็บแต่จบ”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่ บริเวณ 1,550 / 1,543 และแนวต้านที่บริเวณ 1,563 / 1,570 ถ้อยแถลงของคุณเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในการประชุม Jackson Hole ที่ผ่านมาส่งสัญญาณออกมาทางที่เราและตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ โดยยังปิดโอกาสที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ รวมทั้งยังส่งสัญญาณเตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อหากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง แต่ FED จะดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างระมัดระวัง จากข้อมูลที่ FED ได้รับรวมทั้งความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ได้จากการใช้นโยบายทางการเงินของ FED สอดคล้องกับมุมมองของเราก่อนหน้าที่คาดว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐไม่เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 1Q’67 คาดมีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับสูงต่อไป ทั้งนี้ CME FED Watch Tools บ่งชี้ตลาดเริ่มให้น้ำหนักถึงโอกาสในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งของ FED ในช่วงเดือน พ.ย. ที่ระดับ 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% ซึ่งเรามองว่า หาก FED เลือกที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ คาดจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐได้รับผลกระทบมากขึ้นและจะ เป็นสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่เร็วกว่าการที่ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงอย่างยาวนาน (เจ็บแต่จบ)
ขณะที่การเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US-Bond Yield) รุ่นอายุ 10 ปีเริ่มชะลอตัวลงบ้างแล้วหลังปรับตัวขึ้นจากคาดการณ์ FED ปิดโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น เรามองเป็นการ Price-In ประเด็นดังกล่าวไปบ้างในระดับหนึ่งแล้ว คาดจะหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะสั้น
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI. ล่วงหน้าส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ปิดที่ระดับ 79.83 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.78 ดอลลาร์ (+0.99%) ได้รับแรงหนุนจาก Baker Hughes รายงานบริษัทพลังงานในสหรัฐปรับลดแท่นขุดเจาะน้ำมันลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน สะท้อนอุปทานน้ำมันดิบยังมีแนวโน้มตึงตัวต่อไป คาดจะหนุนทิศทางราคาน้ำมันดิบ-หุ้นในกลุ่มพลังงาน ฟื้นตัวขึ้นได้บ้างในระยะสั้น
ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศ เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อภาพการเมืองไทยที่มีความคืบหน้ามากขึ้น หลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเห็นชอบการแต่งตั้งคุณเศรษฐา ทวีสิน ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ทั้งนี้แนะนำติดตามการแต่งตั้งครม. ชุดใหม่อีกครั้ง คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นในกลุ่ม Domestic Play อาทิ หุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD, TIDLOR, KTC, AEONTS, JMT และ BAM) และกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT, TNP และ BJC) จากความคาดหวังในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้เราคาดว่าความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลจะส่งผลให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีล่าช้าออกไปมาก คาดจะไม่ทันปีงบประมาณ 67 ในเดือน ต.ค. ทำให้การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในสิ้นปี’66 เป็นไปได้ยาก คาดจะจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้อยู่ อย่างไรก็ดี เรามองความคาดหวังในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 1Q’67 โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท คาดจะช่วยจํากัด Downside ของตลาดได้เช่นกัน รวมทั้งการส่งสัญญาณเตรียมยกเลือกวีซ่าให้กับประเทศจีนและอินเดีย รวมทั้งขยายระยะเวลาท่องเที่ยวของชาวรัสเซียได้ 90 วัน คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-สายการบินได้
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “AAV”
- คาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากการส่งสัญญาณฟรีวีซ่าของนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย กระตุ้นความหวังนักท่องเที่ยวบินเข้าไทยเพิ่มขึ้นต่อ รวมทั้ง AAV มีแผนเพิ่มเส้นทางบินและความถี่มากขึ้น คาดจะหนุนทิศทางผลประกอบการฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ
- ทางเทคนิค ราคาอยู่ในกรอบทิศทางแนวโน้มขาขึ้น พยายามยืนเหนือ EMA200 วัน MACD ให้สัญญาณซื้อ และ RSI อยู่เหนือระดับ 50.0
- กลยุทธ์ แนวรับ 2.70 / 2.60 Target 2.86 / 3.30 Stop <2.56