KS Daily View 28.08.2023 >>> Fed อาจคงดอกเบี้ย ในประชุมถัดไป/มองต่างประเทศเป็นตัวขับเคลื่อน กรอบซื้อขาย 1,550 / 1,570-75 จุด หุ้นแนะนำ AAV AAI

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.73%, S&P 500 +0.67%, NASDAQ +0.97%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 เช่น Consumer discretionary (+1.10%), Energy (+1.07%), Industrials (+0.86%) ขณะที่ Communication services (+0.17%), Materials (+0.27%), Real estate (+0.27%)

ในประเทศ: SET Index +2.79 pts. หรือ +0.18% ปิดที่ 1,560.20 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ PTTGC (+4.11%), PTTEP (+0.95%), EA (+1.96%), IVL (+2.61%) ขณะที่ DELTA (-2.71%), AOT (-0.69%), ADVANC (-0.91%), CRC (-1.81%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: คาดดัชนีตลาดแกว่งตัวขึ้นได้วันนี้เรามองแนวโน้มหลักกลุ่มการเงิน (FIN), ค้าปลีก (COMM), ท่องเที่ยว (TOUR), อาหาร (FOOD) และ ขนส่ง (TRANS) ยังเป็นกลุ่มเก็งกำไรหลักบนประเด็น กำลังซื้อกลุ่มคนรากหญ้าที่ฟื้นตามราคาข้าวที่สูงขึ้นและมาตรการภาครัฐสนับสนุน กอปรกับภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ดี หลังตลาดตีความถ้อยแถลงของประธาน Fed ที่ Jackson Hole เชิงบวก อีกทั้งสำนักข่าวรายงานจีนพิจารณามาตรกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทั้งทางตลาดทุนและตลาดอสังหาฯ กระแสตลาดอาจเริ่มทยอยสลับมาดูปัจจัยต่างประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนในระยะถัดไป หลังจากตอบสนองเชิงบวกกับปัจจัยการเมืองไทยภายในประเทศไปพอสมควรแล้ว มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,550/1,570-75 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) สำนักข่าวรายงานทางการจีนเตรียมแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านตลาดทุนและตลาดอสังหาฯ โดยอาจปรับลดอากรแสตมป์ (Stamp duty) ลง 20% หรือ 50% ในการซื้อขายหุ้นลงจากปัจจุบันที่อยู่ระดับที่ 0.1% สำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ อีกทั้งกำลังพิจารณาเสนอให้รัฐบาลท้องถิ่นผ่อนคลายเกณฑ์คุณสมบัติสำหรับผู้ที่จะกู้ซื้อบ้านโดยให้พิจารณาเหมือนเป็นผู้ซื้อบ้านครั้งแรกแม้เคยมีประวัติการกู้ซื้อมาก่อนแล้ว

2.) Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กล่าวในการประชุมธนาคารกลางที่ เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ว่าแวดล้อมโดยรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯดูดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน มองระดับอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูงเพียงพอช่วยให้เกิดภาวะการเงินที่ตึงตัว แต่ทิศทางนโยบายการเงินในระยะถัดไปจะยังคงขึ้นอยู่กับแนวโน้มเงินเฟ้อเป็นหลัก ตลาดตีความFed จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบการประชุม FOMC ถัดไปในวันที่ 19-20 ก.ย. แต่ยังไม่ปิดความเป็นได้ที่ Fed อาจมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในรอบการประชุมเดือนพ.ย.

3.) ช่วงสุดสัปดาห์มีมาตรจากทางเมียนมาและอินเดียที่อาจทำให้ราคาพืชผลปรับตัวขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะข้าว โดยทางการเมียนมาประกาศระงับการส่งออกข้าวเป็นการชั่วคราวเพื่อสกัดราคาที่พุ่งขึ้นในประเทศ ทั้งนี้เมียนมาเป็นผู้ส่งออกข้าวใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก โดยมีการส่งออกมากกว่า 2 ล้านตันต่อปี ขณะที่ด้านอินเดียเรียกเก็บภาษี 20% สำหรับการส่งออกข้าวนึ่งโดยมีผลบังคับใช้ในทันที ภายหลังจากที่อินเดียได้จำกัดการขายข้าวทั้งหมดที่ไม่ใช่พันธุ์บาสมาติในต่างประเทศซึ่งคิดเป็นประมาณ 80% ของการส่งออกข้าวทั้งหมด และอินเดียมีส่วนแบ่งตลาดในการค้าข้าวทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 40%

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

สัปดาห์นี้ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,540 – 1,585 จุด บนมุมมองเชิงบวกต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว พร้อมกับภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นโลกที่ฟื้นตัวจากสัญญาณดอกเบี้ยใกล้พีค และจีนมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม พร้อมคาดว่า Fund flow จะหยุดขายหุ้นไทย และอาจมีบางส่วนไหลกลับเข้าลงทุนด้วยTheme ในสัปดาห์นี้แนะนำกลยุทธ์ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หรือมีแนวโน้มผลประกอบการ 2H23 ฟื้นตัวขึ้น

หุ้นแนะนำวันนี้

Top pick: AAV (ราคาพื้นฐาน 3.10 บาท) กำไรหลักในไตรมาสที่ 2/2566 ฟื้นตัวแรงต่อเนื่องหนุนจากจำนวนผู้โดยสารและราคาค่าโดยสารเฉลี่ยที่มีการปรับเพิ่มขึ้น มองไตรมาส3/2566 ฟื้นตัวต่อตามอุปสงค์ของการท่องเที่ยวที่ยังแข็งแกร่งขณะที่อุปทานเครื่องบินที่จำกัดจะช่วยให้ AAV สามารถเพิ่มค่าโดยสารเฉลี่ยได้อีกเพื่อชดเชยต้นทุนเชื้อเพลิงและภาษีสรรพสามิตที่สูงขึ้น เราประเมินผลประกอบการบริษัทปีนี้ 2566เติบโตโดดเด่น 107% และกำไรฟื้นกลับมาชัดปีหน้า 2567 โต380% ขณะที่ราคาหุ้นยัง laggard โดยปรับตัวลงราว 10%YTD

Top pick: AAI (ราคาพื้นฐาน 5.5 บาท) เรามอง AAI น่าสนหลังราคาหุ้นล่วงลงแรงตลอดทางทั้งปีตามยอดขายที่ชะลอตัว แต่ราคานี้และผลประกอบการที่คาดความเสี่ยงด้านล่างเชื่อจำกัดแล้ว ขณะที่แนวโน้มยอดขายคาดว่าจะดีขึ้นในครึ่งหลังตามผลของการลดสต็อกในบริษัทคู่ค้าในช่วงก่อนหน้า ทำให้คาดว่าจะมีคำสั่งซื้อใหม่ของคู่ค้ากลับเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังตัวเลขส่งออกเดือน ก.ค. รายงานออกมาสะท้อนภาพยอดคำสั่งสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำลังค่อยๆทยอยฟื้นตัว MoM 3 เดือนติดแล้ว

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ติดช่วงเช้าตามตัวเลขยอดค้าปลีกออสเตรเลีย (retail sales) เดือน ก.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 0.2% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 0.8% MoM และช่วงบ่ายติดตามตัวเลขยอดปล่อยสินเชื่อให้กับภาคเอกชนในยุโรป (private loans)เดือน ก.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 1.6% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 1.7% YoY
  • วันอังคารติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ (CB Consumer confidence) เดือน ส.ค. ตลาดคาดปรับตัวลดลงที่ 116.2 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 117.0 ต่อด้วยตัวเลขงานเปิดใหม่ในสหรัฐฯ (Jolts job openings) เดือน ก.ค.ตลาดคาดมีจำนวน 9.7 ล้านตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 9.58 ล้านตำแหน่ง
  • วันพุธติดตามตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนนอกภาคการเกษตรในสหรัฐฯ (ADP non-farm employment) เดือน ส.ค. ตลาดเพิ่มขึ้น 201k ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 324k ตำแหน่ง และตัวเลข GDP สหรัฐฯสำหรับไตรมาส 2/2566 ตลาดคาดขยายตัว 2.4% QoQ เทียบการประกาศครั้งก่อนหน้าที่ 2.4% QoQ
  • วันพฤหัสบดีช่วงเช้าติดตามตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของจีน (Manufacturing PMI) เดือน ส.ค. ตลาดคาดที่ 49.1 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 49.3 จุด ช่วงบ่ายติดตามตัวเลขดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย (MPI) เดือน ก.ค. ตลาดคาดหดตัว 3.8% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 5.2% YoY ช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ตลาดคาดที่ 236k คน เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 230k คน
  • วันศุกร์ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. ตลาดคาดที่ 169k ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 187k ตำแหน่ง ต่อด้วยอัตราการว่างงานของสหรัฐฯตลาดคาดที่ 3.5% ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและปิดท้ายสัปดาห์ด้วยตัวเลขดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ (US ISM manufacturing PMI) ตลาดคาดที่ 46.9 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 46.4 จุด
- Advertisement -