บล.กรุงศรีฯ:
BTS GROUP HOLDINGS (BTS TB/ BTS.BK)
กลุ่มอุตสาหกรรม | ขนส่งและโลจิสติกส์ |
หุ้น | BTS |
มูลค่าพื้นฐาน | 8.50 |
คำแนะนำ | BUY |
ปรับลดประมาณการ EPS ปี FY24-25 เพื่อสะท้อนถึง VGI และรถไฟฟ้าสายใหม่
ในบทวิเคราะห์ฉบับนี้ เราได้ปรับลดประมาณการกำไรของ BTS ปี FY24 ลง 31.4% และปี FY25 ลง 50% เพื่อสะท้อนผลขาดทุนที่หนักขึ้นของ VGI และผลการดำเนินงานที่อ่อนแอลงของรถไฟฟ้าสายใหม่ (ชมพูและเหลือง) โดยในส่วนของ VGI สามารถดูรายละเอียดได้จากบทวิเคราะห์ของเราที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนในกรณีของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เราคาดว่าจะมีผลขาดทุน 500 ล้านบาทในปี FY24 อิงจากจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยรายวันที่ 50,000 เที่ยว ซึ่งแย่กว่าประมาณการเดิมของเราที่คาดว่าจะขาดทุนเพียง 10 ล้านบาท เพราะจำนวนผู้โดยสารรายวันต่ำกว่าที่คาด ทั้งนี้ เราคาดว่าสายสีเหลืองจะถึงจุดคุ้มทุนในระดับกำไรสุทธิเมื่อจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ประมาณ 100,000 เที่ยว ซึ่งจากแบบจำลองของเราคาดว่าจะถึงระดับนั้นในปี FY26 สำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพู เราใช้สมมติฐานแบบอนุรักษ์นิยมเหมือนกับสายสีเหลืองที่ 53,000 เที่ยวเมื่อเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี FY25 โดยเราคาดว่าสายสีชมพูจะมีผลขาดทุนในช่วงสองปีแรก ก่อนที่จะถึงจุดคุ้มทุนในปี FY27
ตามประมาณการใหม่ กำไรจลดลงในอีกสองปีข้างหน้า
เมื่ออิงตามประมาณการใหม่ เราคาดว่ากำไรจะลดลงเล็กน้อย (6% CAGR) ในปี FY24-25 เพราะผลประกอบการที่อ่อนแอของ VGI และรถไฟฟ้าสายใหม่ เราคาดว่าวัฏจักรการเติบโตรอบใหม่ของ BTS จะเริ่มในปี FY26 เมื่อ VGI เริ่มพลิกมาเป็นกำไรสุทธิ และรถไฟฟ้าสายใหม่เริ่มทำกำไรได้ ทั้งนี้ ถ้าหาก VGI สามารถตัดบริษัทในเครือที่มีผลขาดทุนอย่างเช่น KEX ออไปจากงบ P&L ได้ภายในปี FY24 เราคาดว่าผลประกอบการของ BTS ในปี FY25 จะทรงตัว yoy แทนที่จะลดลง
คงคำแนะนำซื้อ แต่ปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 8.50 บาท จากเดิมที่ 9.46 บาท
เรายังคงคำแนะนำซื้อ BTS แต่ปรับลดราคาเป้าหมาย SoTP ลงเหลือ 8.50 บาท จากเดิมที่ 9.46 บาท เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดประมาณการกำไรของ VGI และรถไฟฟ้าสายใหม่ เราคิดว่ามูลค่าตลาดที่ลดลงไป 3.95 หมื่นล้านบาทในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมายังไม่ได้สะท้อนผลประกอบการที่มีแนวโน้มอ่อนแอลงของ VGI และรถไฟฟ้าสายใหม่ แต่สะท้อนความเสี่ยงของการสูญเสียสัญญาสายสีเขียวไปแล้ว ถึงแม้ว่าแนวโน้มผลประกอบการในอีกสองปีข้างหน้าจะดูไม่สดใสนัก แต่ความกังวลเกี่ยวกับกรณีพิพาทกับหน่วยงานทางการจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นราคาหุ้นในระยะสั้น