บล.ฟิลลิป:
ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล – MINT คาดกำไร 2H66 โตต่อ
Key Point
คาดกำไรโตเด่นใน 2H66 จากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของธุรกิจโรงแรมฝั่ง Europe และธุรกิจอาหารที่ภาคการบริโภคเริ่มสูงขึ้นจากการเปิดประเทศ ร่วมกับแนวโน้มราคาวัตถุดิบอาหารที่ลดลง มีแผนชำระหนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้มีภาระดอกเบี้ย คงเป้ารายได้ทั้งปีโต 12-13% ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานปี 66 อยู่ที่ 42.00 บาท
รายได้จากผลการดำเนินงาน 2Q66 โต 24% y-y, 22% q-q โดยมีปัจจัยดังต่อไปนี้
1.) ธุรกิจร้านอาหารมียอดขายรวมโต 22% y-y และยอดขายจากสาขาเดิมโต (SSSG) 8.1% y-y ซึ่งมีผลมาจากการขยายสาขาในไทยและต่างประเทศรวม 122 สาขา และจากการฟื้นตัวของกลุ่มผู้บริโภคร่วมกับการจัด กิจกรรมการขาย ทำให้กลุ่มธุรกิจร้านอาหารหลายแบรนด์ของ MINT มีรายได้ต่อบิลที่สูงขึ้น ราคาวัตถุดิบในไทย และจีนชะลอตัว ขณะที่รายได้จากการประกอบกิจการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สัดส่วน EBITDA ต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้น เป็น 21% เทียบกับ 17% ใน 2Q65
2.) รายได้โดยรวมจากธุรกิจโรงแรมและอื่นๆ ใน 2Q66 โต 25% y-y จากการฟื้นตัวของโรงแรมในทวีปยุโรป ลาตินอเมริกา และไทย โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของโรงแรมทั้งหมดเพิ่มขึ้น 21% y-y และ 31% เทียบกับ 2Q62 ซึ่งเป็นผลมาจากการขึ้นราคาห้องพักและการฟื้นตัวของความของต้องการท่องเที่ยว ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริการต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 32.41% จาก 32.79% ใน 2Q65 ส่งผลให้ EBITDA margin เพิ่มขึ้นเป็น 32.9% เทียบกับ 30.5% ใน 2Q65
3.) กลุ่มธุรกิจไลฟ์ สไตล์มีรายได้ลดลง 18% y-y จากการปิดร้านที่ไม่ทำกำไร ส่งผลให้สัดส่วน EBITDA margin ลดลงเป็น 11.7% เทียบกับ 20.0% ใน 2Q65
คาดแนวโน้มกำไร 3Q66 ชะลอตัวลง q-q
คาดรายได้ของธุรกิจกลุ่มโรงแรมใน 3Q66 ชะลอตัวลงจาก 1.) รายได้ที่ลดลงของกลุ่ม Europe ที่เริ่มเข้าสู่ช่วง Low Season 2.) รายได้จาก Maldives ยังคงชะลอตัวจากการแข่งขันภายในพื้นที่ที่สูงขึ้นประกอบกับการแหล่งท่องเที่ยวอื่นที่กลับมาเปิด ทำให้นักท่องเที่ยวมีทางเลือกมากขึ้น 3.) จำนวนผู้ใช้บริการโรงแรมในประเทศ (Occupancy rate) ยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัว โดยคาดจะกลับมาอยู่ในระดับ Pre-Covid ในช่วงต้นปี 67 คาดรายได้จากกลุ่มธุรกิจโรงแรมใน 3Q66 อ่อนตัวลง 6% q-q จากฐานที่สูงของ High Season ใน 2Q66 ขณะที่ธุรกิจอาหารยังคงมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยคาดกำไรโดยรวมใน 3Q66 ชะลอตัว 4% q-q จากรายได้ที่น้อยลงของโรงแรมฝั่ง Europe ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 50% ของรายได้โดยรวม
ภาพรวม 2H66
คาดรายได้จากธุรกิจทั้งหมดของบริษัท 2H66 โต 5% เป็น 76,728 ลบ. เทียบกับ 1H66 แม้ใน 3Q66 รายได้จากธุรกิจโรงแรมจะชะลอตัวลง q-q จากฐานที่สูงในช่วง 2Q66 คาดรายได้จากโรงแรม 2H66 ยังคงโต 6% เป็น 59,859 ลบ. เทียบกับ 56,474 ลบ. ใน 1H66 จากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของการท่องเที่ยวภายในประเทศของโซน Europe ประกอบกับการขึ้นราคาห้องพัก คาดรายได้จากธุรกิจอาหาร 2H66 อยู่ที่ 15,038 ลบ. โต 2.59% เมื่อเทียบกับ 1H66 จากการฟื้นตัวของภาคการบริโภคในจีนและไทยเป็นหลัก ส่งผลให้รายได้ปี 66 โต 24% y-y เป็น 148,298 ลบ. จาก 119,929 ลบ. คาดมาร์จิ้นปี 66 ดีขึ้นเป็น 46% จาก 44% ในปี 65 จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มโรงแรม และต้นทุนวัตถุดิบอาหารที่มีแนวโน้มจะลดลง โดยคาด EBITDA โต 15% y-y เป็น 40,756 ลบ. จาก 35,073 ลบ.
ราคาพื้นฐานปี 66 อิงวิธี DCF
ทางฝ่ายฯประเมินราคาหุ้นอิงตามวิธี DCF WACC 8.47% คาดราคาพื้นฐานปี 66 อยู่ที่ 42.00 บาท/หุ้น แนะนำ “ซื้อ” จากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของธุรกิจโรงแรมกลุ่ม Europe
ความเสี่ยง
1. สถานการณ์โรคระบาด เช่น โควิด, ฝีดาษลิง
2. ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน /สงคราม