การเมืองเริ่มดีกับ SET ที่เริ่มแพง / 1,555-1,570
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET เดินหน้าเบาๆ และพักตัว : โดยแรงหนุนมาจากพัฒนาการของการเมืองไทยที่ใกล้เห็นความชัดเจนของครม. หลังนายกฯ เศรษฐา เผยรายชื่อครม.เศรษฐา 1 นิ่งแล้ว และอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติครม. ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป ขณะที่การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา คาดทำได้ก่อนกลางเดือนก.ย.66 ทั้งนี้ความคืบหน้าของการจัดตั้งครม.จะเป็นแรงหนุนต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ตามความคาดหวังต่อการออกมาตรการกระตุ้นและสนับสนุนการเติบโตศก.ไทย ด้านหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวคาดได้แรงหนุนจากการที่จีนจะไม่บังคับให้นักเดินทางขาเข้าแสดงหลักฐานการตรวจโควิด 19 ซึ่งเป็นแรงหนุนเพิ่มเติมต่อจากการที่นายกฯเศรษฐาเตรียมยกเว้น VISA แก่นทท.จีนให้ทันช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันชาติของจีน นอกจากนี้ SET Index ยังได้แรงหนุนจากการส่งสัญญาณกระตุ้นศก.ของจีน หลังรัฐบาลจีนประกาศลดภาษีอากรสแตมป์ สำหรับการซื้อขายหุ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 51 อย่างไรก็ดี ทางขึ้นของ SET Index คาดถูกจำกัดจาก 1) การเทขาย/ชะลอการลงทุนของนักลงทุนที่ไม่ชอบความไม่แน่นอนและยังรอความชัดเจนเพิ่มเติม สอดรับกับนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิเพียง 1 ใน 4 วันทำการ หลังผ่านพ้นการโหวตนายกฯวันที่ 22 ส.ค. 66 และ 2) Valuation ที่เริ่มแพง สะท้อนจาก P/E ที่ระดับ 17.76x ซึ่งเป็นการทยอยปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับ 18.31× ดังนั้น ทางฝ่ายยังคงมองภาพการลงทุนเป็น 1) การ Rotation ระหว่าง/ใน Sector 2) การ Selective ในหุ้นที่ตอบรับการเมืองไทยหรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 3) การเก็งกำไรหุ้นก่อนขึ้น XD
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) Spending: BJC, COM7, CPAXT, CPF, CPN, CRC 2) ท่องเที่ยว: AOT, BA, CENTEL, MINT 3) กลุ่มพลังงาน: BCP, PTTEP, SPRC, TOP 4) หุ้นปันผล: KKP, TISCO และ 5) High season รพ.: BCH, BDMS, CHG
ปัจจัยบวก
- สภาพัฒน์เผยภาวะสังคมไทย 2Q66 ดังนี้ 1) ผู้มีงานทำมี 39.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.7%y-y 2) ซม.การทำงานภาพรวมและภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาอยู่ที่ 42.7 และ 46.73) ค่าจ้างแรงงานปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยค่าจ้างเฉลี่ยในภาพรวมและภาคเอกชนอยู่ที่ 15,412 และ 14,032 บาท/คน/เดือน และ 4) อัตราการว่างงานลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ 1.06%
- ก.ร่วมพิธีลงนามพิธีสารปรับปรุงความตกลง AANZFTA ซึ่งได้เพิ่มประเด็นการค้าใหม่ๆ เช่น การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ การส่งเสริม MSME คาดมีผลใช้บังคับปี 67 ด้านไทยเตรียมชงครม.ชุดใหม่ และรัฐสภาพิจารณาลงนามและให้สัตยาบันความตกลง
- เฟดแอตแลนตาเผยแบบจำลอง GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ศก.สหรัฐฯขยายตัว 5.9% ใน 3Q66 หากตัวเลข GDP เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จะเป็นการแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 4Q64
ปัจจัยลบ
- Krungthai COMPASS ประเมินว่าศุก.โลกที่มีสัญญาณอ่อนแอลงต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของภาคการส่งออกไทยในช่วง 2H66 ให้เติบโตได้ในระดับต่ำ
- โตโยต้า ประเทศไทย เผยว่า ตลาดรถยนต์เดือนก.ค. มีปริมาณการขายที่ 58,419 คัน ลดลง 8.8% y-y เนื่องจากตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวต่อเนื่องที่ 19.9% y-y ด้วยยอดขาย 35,908 คัน
- สภาพัฒน์เผยหนี้เสียและความเสี่ยงของการเป็นหนี้เสียของสินเชื่อยานยนต์ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยใน 1Q66 พบหนี้ NPL ขยายตัวเพิ่มสูงถึง 30.3% y-y โดยสูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส
PICKS OF THE DAY
MINT BUY
- เป้าหมาย 35.00/36.00 แนวรับ 32.00/33.00
- รายได้จากธุรกิจหลัก 2Q66 โต y-y, q-q: รายได้จากธุรกิจอาหารโต 22% จากการขยายสาขาเพิ่ม 122สาขา และ SSSG ที่โต 8.1% y-y โดยมีปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของผู้บริโภคควบคู่กับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ธุรกิจโรงแรมโต 25% y-y จากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวภายในประเทศ Europe เป็นหลัก ร่วมกับราคาห้องพักที่สูงขึ้น 21% y-y
- ภาพรวม2H66โตกว่า1H66: ทางฝ่ายยังคงมีมุมมองเชิงบวกกับ MINT ใน 2H66 คาดกำไร 2H66 ยังคงสูงกว่า1H66 จากฝั่งโรงแรมEuropeที่ยังคงฟื้นตัวต่อได้และมีราคาพื้นฐานที่ 42บาท/หุ้น
TOP BUY
- เป้าหมาย 54.50/56.00 แนวรับ 51.00/52.00
- ค่าการกลั่นยังสูงขึ้นต่อเนื่อง : ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จาก 12.1 USD/bbl ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 ส.ค. 66 เป็น 13.2 USD/bbl ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 ส.ค. 66 ถือเป็นการปรับเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญจากค่าเฉลี่ยในไตรมาส 2 ที่ระดับ 4.1 USD/bbl ทางฝ่ายมองว่ากำไรไตรมาส 3 อาจจะสูงมากกว่าคาดตามค่าการกลั่นที่ยังคงเพิ่มขึ้น
- ราคาน้ำมันดิบหนุน stock gain : ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยยังทรงตัวได้ในระดับ 85 USD/bbl ทางฝ่ายคาดว่าจะยังรักษาระดับได้ เนื่องจากอุปทานยังค่อนข้างตึงตัวจากการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส