วันนี้คาดตลาด “Sideways”
แนวรับ 1,560 / 1,555 แนวต้าน 1,570 / 1,577 ยังได้รับ Sentiment เชิงบวกจากแรงซื้อกลับ ทิศทางสินทรัพย์เสี่ยงหลังการส่งสัญญาณใน Jackson Hole ออกมาตามคาด สอดคล้องกับ US Bond Yield ที่เริ่มชะลอตัวลง / การเมืองในประเทศส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น
Our View? “Price-ln”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,560 / 1,555 และแนวต้านที่บริเวณ 1,570 / 1,577 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศ เรายังมองแรงซื้อกลับหลังจากคุณเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมเศรษฐกิจที่เมือง Jackson Hole ออกมาตามที่เราและตลาดคาดไว้ โดย FED ยังมีโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง แต่ก็มีการส่งสัญญาณถึงการปรับใช้นโยบายทางการเงินของ FED จะดำเนินการไปอย่างระมัดระวัง คาดจะส่งผลให้ตลาดลดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง (Hard Landing) ได้บ้าง สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐผ่าน Dollar Index เช้านี้เริ่มชะลอตัวลงบ้างแล้วอยู่ที่ระดับ 103.9+/- หลังขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ก่อนหน้าที่ระดับ 104.4+/- เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US-Bond Yield) อ่อนตัวลงเช่นกันเมื่อคืนนี้ปิดที่ระดับ 4.18%+/- สะท้อนตลาดเริ่มกลับเข้าซื้อพันธบัตรอีกครั้ง หลังรับรู้ถ้อยแถลงของประธาน FED ไปแล้ว รวมทั้งยังบ่งชี้ถึงตลาดเริ่มกลับมารับความเสี่ยงได้มากขึ้น คาดจะหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้นได้ ทั้งนี้เราแนะนำติดตามการรายงาน ตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐเดือน ก.ค. วันที่ 31 ส.ค. เพื่อประเมินแนวโน้มในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED อีกครั้ง
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI. ล่วงหน้าส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนนี้พยายามฟื้นตัวกลับขึ้นต่อปิดที่ระดับ 80.10 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.27 ดอลลาร์ (+0.34%) ได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์พายุโซนร้อน Idalia จะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในสหรัฐ อีกทั้งการที่จีนออกมาปรับลดภาษีอากรแสตมป์สำหรับการซื้อขายหุ้นลงอยู่ระดับ 0.05% จากระดับ 0.10% คาดเป็นสัญญาณถึงแนวโน้มในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนเพิ่มเติม คาดจะหนุนทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ฟื้นตัวขึ้นได้ ขณะที่ค่าการกลั่นยังคงฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่องคาดจะหนุนทิศทางหุ้นใน กลุ่มโรงกลั่น (SPRC และ TOP) ได้ต่อ
ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อภาพการเมืองไทยที่มีความคืบหน้ามากขึ้น หลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเห็นชอบการแต่งตั้งคุณเศรษฐา ทวีสิน ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ทั้งนี้แนะนำติดตามการแต่งตั้งครม. ชุดใหม่อีกครั้ง คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นในกลุ่ม Domestic Play อาทิ หุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD, TIDLOR, KTC, AEONTS, JMT และ BAM) และกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT, TNP และ BJC) จากความคาดหวังในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้เราคาดว่าความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลจะส่งผลให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีล่าช้าออกไปมาก คาดจะไม่ทันปีงบประมาณ 67 ในเดือน ต.ค. ทําให้การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในสิ้นปี’66 เป็นไปได้ยาก คาดจะจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้อยู่ อย่างไรก็ดีเรามองความคาดหวังในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 1Q’67 โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท คาดจะช่วยจำกัด Downside ของตลาดได้เช่นกัน รวมทั้งการส่งสัญญาณเตรียมยกเลิกวีซ่าให้กับประเทศจีนและอินเดีย รวมทั้งขยายระยะเวลาท่องเที่ยวของชาวรัสเซียได้ 90 วัน และแนวโน้มในการปรับลดภาษีน้ำมันเครื่องบินในประเทศลงเหลือที่ระดับ 0.20 บาทอีกครั้ง คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-สายการบิน (AOT, CENTEL, ERW, AAV และ BA) ได้ต่อ
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “AOT”
- คาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากแนวโน้มนักท่องเท่ียวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น ตามการส่งสัญญาณฟรีวีซ่าของนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคา AOT
- ทางเทคนิคราคา Breakout แนวต้านที่เส้นแนวโน้มขาลงระยะสั้น พยายามทำจุดสูงสุดใหม่ เครื่องมือ MACD และ RSI ให้สัญญาณซื้อ
- กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 71.50 / 70.50 Target 73.00 / 76.00 Stop <70.00