วันนี้คาดตลาด “Sideway Up”

แนวรับ 1,562 / 1,555 แนวต้าน 1,570 / 1,577 ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานเปิดใหม่ในสหรัฐออกมาลดลงต่อเนื่อง กระตุ้นความหวัง FED ยุติการขึ้นดอกเบี้ย หนุน US Bond Yield และ Dollar Index อ่อนตัวลงต่อเป็นบวกต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง/เมื่อวานนี้ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยพร้อมอยู่ฝั่ง Long SET50 Index Futures กว่า 3.7 หมื่นสัญญา

Our View? “สดใส”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,562 / 1,555 และแนวต้านที่บริเวณ 1,570 / 1,577 เรามองตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศ หลังจากเมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ออกมาที่ระดับ 8.82 ล้านตำแหน่ง ลดลง 3.38 แสนตำแหน่ง มากกว่าที่ตลาดคาด และเป็นการปรับลดลงต่อเนื่อง สะท้อนถึงตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มตึงตัว คาดจะกระตุ้นความหวังเกี่ยวกับแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด CME FED Watch Tools เริ่มกลับมาให้น้ำหนัก FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ต่อไปในการประชุม FOMC เดือน พ.ย. ที่น้ำหนัก 50.0%+/- จากก่อนหน้าตลาดให้น้ำหนักจะขึ้นอีก 0.25% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (US-Bond Yield) ชะลอตัวลงต่อเนื่องเมื่อคืนนี้รุ่น 10 ปี ปิดที่ระดับ 4.12%+/- พร้อมทั้งค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง โดย Dollar Index เช้านี้อยู่ที่ระดับ 103.4+/- บ่งชี้ตลาดเริ่มคลายความกังวลและกลับมารับความเสี่ยงได้มากขึ้น (Risk-On) หนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวกลับขึ้นได้ ทั้งนี้เราแนะนำติดตามการรายงานตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐเดือน ก.ค. วันที่ 31 ส.ค. เพื่อประเมินแนวโน้มในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED อีกครั้ง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI. ล่วงหน้าส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนนี้ฟื้นตัวขึ้นได้ดีปิดที่ ระดับ 81.16 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.06 ดอลลาร์ (+1.32%) ยังคงได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์พายุโซนร้อน Idalia จะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในสหรัฐ ทำให้อุปทานน้ำมันดิบในสหรัฐตึงตัวในระยะสั้น อีกทั้งการที่จีนออกมาปรับลดภาษีอากรแสตมป์สำหรับการซื้อขายหุ้นลงอยู่ระดับ 0.05% จากระดับ 0.10% คาดเป็นสัญญาณถึงแนวโน้มในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนเพิ่มเติม คาดจะหนุนทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ฟื้นตัวขึ้นได้ พร้อมทั้งการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐช่วยหนุนความน่าสนใจของราคาน้ำมันดิบได้เช่นกัน ขณะที่ค่าการกลั่นยังคงฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น (SPRC และ TOP) ได้ต่อ

ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มพลิกกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยกว่า 1.45 พันล้านบาท รวมทั้งยังอยู่ในฝั่ง Long SET50 Index Futures กว่า 3.70 หมื่นสัญญา คาดจะกระตุ้นความหวังเกี่ยวกับเม็ดเงินที่มีโอกาสไหลเข้าได้บ้าง  โดยเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อภาพการเมืองไทยที่มีความคืบหน้ามาก ขึ้นหลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คาดจะเป็น จิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นในกลุ่ม Domestic Play อาทิ หุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD, TIDLOR, KTC, AEONTS, JMT และ BAM) และกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT, TNP และ BJC) จากความคาดหวังในการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้เราคาดว่าความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลจะส่งผลให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีล่าช้าออกไปมาก คาดจะไม่ทันปีงบประมาณ 67 ในเดือน ต.ค. ทำให้การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายในสิ้น ปี’66 เป็นไปได้ยาก คาดจะจำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้อยู่ อย่างไรก็ดี เรามองความคาดหวังใน การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 1Q67 โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท คาดจะช่วยจำกัด Downside ของตลาดได้เช่นกัน รวมทั้งการส่งสัญญาณเตรียมยกเลิกวีซ่าให้กับประเทศจีนและอินเดีย รวมทั้งขยายระยะเวลาท่องเที่ยวของชาวรัสเซียได้ 90 วัน และแนวโน้มในการปรับลดภาษีน้ำมันเครื่องบินในประเทศลงเหลือที่ระดับ 0.20 บาทอีกครั้ง คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-สายการบิน (AOT, CENTEL, ERW, AAV และ BA) ได้ต่อ

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “OSP”

  • คาดแนวโน้ม 2H’66 จะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรกจาก Mkt. Share M-150 คาดจะขยับขึ้น QoQ อีกทั้งการ ออกเครื่องดื่มใหม่ในช่วงที่เหลือ คาดจะทำให้กำไรปรับตัวขึ้นได้
  • ทางเทคนิคราคา Breakout แนวต้านที่เส้นแนวโน้มขาลงพร้อม Vol. หนาแน่น เครื่องมือ MACD และ RSI ให้สัญญาณซื้อ
  • กลยุทธ์ ซื้อสะสม แนวรับ 30.50 / 29.50 Target 33.00 / 35.00 Stop <29.00

 

- Advertisement -