บล.ฟิลลิป:
เอเชีย เอวิเอชั่น – AAV – 2H66 ดีกว่า 1H66 และคาดมีมาตรการรัฐหนุน
Key Point
คาด 2H66 จะดีกว่า 1H66 ได้จาก high season ใน 4Q66 เป้าผู้โดยสารทั้งปีที่ 20 ล้านคนเป็นไปได้ ประกอบกับอุปสงค์ในการเดินทางที่สูงและบินเส้นทางระหว่างประเทศมากขึ้น ทำให้ รายได้เฉลี่ย/ตั๋ว และร ายได้เสริม/คน สูงต่อเนื่อง อีกทั้ง มีแนวโน้มเชิงบวกจากรัฐที่สนับสนุนในการลดภาษีสรรพสามิต และยกเว้นค่าวีซ่านักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 3.50 บาท
1H66 กลับมามีกำไรปกติได้ หลังขาดทุนมาตั้งแต่ปี 2Q62
ครึ่งปีแรก (1H66) AAV ขาดทุนสุทธิที่ 653 ล้านบาท ลดลง 90.8% y-y จากขาดทุน 7,094 ล้านบาท โดยการขาดทุนส่วนใหญ่มาจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ 828 ล้านบาท ซึ่งหากดูการดำเนินงานปกติจะมีกำไรที่ 17 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ขาดทุนจากการดำเนินงานที่ 2,826 ล้านบาท โดย 2Q66 เป็นไตรมาสแรกที่มีกำไรจากการดำเนินงานนับจากที่ขาดทุนใน 2Q62 ที่โควิดเริ่มระบาด จำนวนผู้โดยสารที่ +193.6% เป็น 9.22 ล้านคน รายได้เฉลี่ย/ตั๋ว +41.9% เป็น 1,673 บาท และรายได้เสริม/คน +59.7% เป็น 403 บาท ทำให้รายได้ +327% เป็น 19,122 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุนและ SG&A +81.7% และ +79.2% ตามลำดับ
2H66 ยังคงฟื้นตัวดีทั้ง y-y และ h-h
ครึ่งปีหลัง (2H66) จะเห็นการฟื้นตัวดีทั้ง y-y และ h-h แม้ 3Q ปกติเป็น low season ของนักท่องเที่ยวคนไทย เพราะเป็นฤดูฝนและเป็นฤดูนอกการท่องเที่ยว ซึ่ง 1H66 ตลาดในประเทศมีสัดส่วนผู้โดยสาร 61% รายได้ 48% และส่วนแบ่งในตลาดที่ 37% แต่จะได้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาชดเชย ซึ่งตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจากกรมกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา เดือน ก.ค. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 2.48 ล้านคน +119.5% y-y และ 1-20 ส.ค. ที่ 1.64 ล้านคน มากกว่า ส.ค. 65 ทั้งเดือนที่ 1.17 ล้านคน โดย AAV ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวในกลุ่มอาเซียน การเพิ่มเส้นทางบินไปจีนเป็น 108 เที่ยวบิน/สัปดาห์ใน 2Q66 คาดปลายปีจะเพิ่มเป็น 138 เที่ยวบินและ 4Q66 เป็น high season ของการท่องเที่ยว โดย 2H66 มีแผนการเปิดให้บริการเส้นทางระหว่างประเทศเพิ่ม เช่น มะนิลา (ฟิลิปปินส์) โคลัมโบ (ศรีลังกา) อัห์มเดบาด (อินเดีย) ซัวเถา (จีน) ซานตง (จีน) และเชียงใหม่ไปมาเก๊า (จีน) หากความต้องการเดินทางสูงกว่าที่คาดก็มีแผนจะเช่าเครื่องบินจากกลุ่มแอร์เอเชียเข้ามาเสริม จากปัจจุบันที่มีอยู่ 54 ลำ จากอุปสงค์การเดินทางที่ยังสูงและการเปิดบินระหว่างประเทศมากขึ้น จะทำให้รายได้เฉลี่ย/ตั๋ว รายได้เสริม/คน และ Load Factor จะยังสูงต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง
มีแนวโน้มเชิงบวกจากภาครัฐทั้งเรื่องภาษีน้ำมันและวีซ่านักท่องเที่ยวจีน-อินเดีย
หลังจากหมดมาตรการช่วยเหลือเรื่องภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินภายในประเทศ ทำให้ตั้งแต่ ก.ค. กรมสรรพสามิตได้ปรับอัตราเก็บภาษีสรรพสามิตเป็นอัตราเดิมที่ 4.726 บาท/ลิตร จากอัตราก่อนหน้าที่ใช้ในช่วงโควิดที่ 0.20 บาท/ลิตร AAV มีการปรับขึ้นราคาตั๋วเฉลี่ยที่ 100 บาท/ตั๋ว เพื่อชดเชยการขึ้นภาษี ซึ่งหลังผู้บริหาร 8 สายการบินได้เข้าพบคุณเศรษฐา นายกรัฐมนตรี ที่พรรคเพื่อไทย เป็นไปในทิศทางบวกว่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล หากได้ลดอัตราภาษีสรรพสามิตจะทำให้ราคาตั๋วในประเทศถูกลง รวมถึงการขอสนับสนุนให้ลดค่าธรรมเนียมการขอ Visa on Arrival (VOA) หรือยกเว้นค่าวีซ่านักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย ที่ปัจจุบันเก็บค่า VOA อยู่ที่คนละ 2 พันบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนก่อนช่วงหยุด Golden Week ของจีน 29 ก.ย. – 8 ต.ค. ซึ่ง AAV มีเส้นทั้งที่เปิดและที่จะเปิดใน 2H66 ไปอินเดีย 8 เส้นทางใน 8 เมือง และจีน 18 เส้นทาง ใน 11 เมือง
ราคาพื้นฐานปี 66 ที่ 3.50 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
คาดการณ์ของ ททท. ปีนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 25-30 ล้านคน ซึ่ง 1 ม.ค.-20 ส.ค. เข้ามาแล้ว 17.03 ล้าคน และนักท่องเที่ยวคนไทยที่ 250 ล้านครั้ง ใน 1H66 อยู่ที่ 155 ล้านครั้ง ซึ่งหากมีการยกเว้นค่าวีซ่าจีนและอินเดียน่าจะทำให้นักท่องเที่ยวเร่งตัวขึ้นใน 4Q66 ที่เป็น high season ในขณะที่ AAV ตั้งเป้าผู้โดยสารปีนี้ที่ 20 ล้านคนน่าจะเป็นไปได้เช่นกัน ปรับรายได้ 45,220 ล้านบาท และปรับคาดการณ์กำไรสุทธิเป็น 674 ล้านบาท (กำไรปกติไม่รวม Fx ที่ 1,254 ล้านบาท) อิง EV/EBITDA ที่ 10 เท่า ราคาพื้นฐาน 3.50 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ”
ความเสี่ยง
1. อุตสาหกรรมการบินเผชิญความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่เกิดจากปัจจัยภายนอก
2. ความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่กระทบต่อธุรกิจ
3. การดำเนินธุรกิจต้องพึ่งพาความสัมพันธ์ของบริษัทฯ กับ AirAsia Berhad