บล.บัวหลวง:
Thai Plaspack (TPAC TB/TPAC.BK)
TPAC – แนวโน้มดีทั้งระยะสั้นและระยะยาว
คาดการณ์การเติบโตของกำไรหลักในไตรมาส 3/66 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นต่อไป นอกจากนี้อุปสงค์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และการเข้าซื้อกิจการจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตของกำไรในระยะยาว และเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรและการประเมินมูลค่าหุ้นของเรา
คาดกําไรหลักไตรมาส 3/66 จะขยายตัว
กําไรหลักไตรมาส 3/66 ของ TPAC มีแนวโน้มเติบโตทั้ง YoY และ QoQ หนุนโดยปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น อุปสงค์ในวงกว้างที่ปรับตัวดีขึ้นในทุกประเทศที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ (อินเดีย, ไทย, มาเลเซีย, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) จะหนุนปริมาณขายของบริษัทให้เพิ่มขึ้น YoY นอกจากนี้ปริมาณขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 3/66 เนื่องจากไตรมาส 2 บริษัทเผชิญกับอุปสงค์ที่ต่ำในอินเดียตามปัจจัยฤดูกาล และมีวันหยุดยาวในมาเลเซียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในไตรมาส 2/66 จากมุมมองด้านอัตรากำไร ปริมาณขายที่สูงขึ้น, การปรับสัดส่วนผลิตภัณฑ์, และแรงกดดันด้านต้นทุนที่คลี่คลายลง จะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ในไตรมาส 3/66
มุ่งเน้นการขยายธุรกิจในภูมิภาคที่มีการเติบโตสูง
บริษัทมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ใน 3 ภูมิภาคที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ได้แก่ แอฟริกาและตะวันออกกลาง (AMEA), อินเดีย, และอาเซียน จากข้อมูลของ IMF อัตราการเติบโตของ GDP ของทั้ง 3 ภูมิภาคในปี 2567 คาดว่าจะเติบโตเหนือกว่าการเติบโตของ GDP โลก โดยเติบโต 4.1% สําหรับแอฟริกา, เติบโต 3.2% สําหรับตะวันออกกลาง, 6.3% สําหรับอินเดีย และ 4.5% สําหรับอาเซียน เทียบกับ 3.0% สําหรับ GDP ทั่วโลก นอกจากนี้ทั้ง 3 ภูมิภาค ยังมีประชากรรวมประมาณ 3.7 พันล้านคน ซึ่งถือเป็นโอกาสทางการตลาดขนาดใหญ่ และ การบริโภคพลาสติกในทั้ง 3 ภูมิภาคนี้ มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต
การบริโภคพลาสติกในแอฟริกาและตะวันออกกลาง คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6.5 เท่า และ 3.5 เท่า ตามลำดับ ในช่วงปี 2562-2603 ในขณะที่การบริโภคพลาสติกของอินเดียและอาเซียนคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.5 เท่าและ 3.7 เท่าตามลำดับ ในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ TPAC ได้แสวงหาโอกาสในการควบรวมกิจการอย่างแข็งขันในภูมิภาคดังกล่าว และสิ่งนี้จะส่งผลให้มีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไร การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของเราชี้ให้เห็นว่าทุกๆ 1% ที่ยอดขายของ TPAC มากกว่าที่เราคาด กําไรจะสูงกว่าที่เราคาด 9% ในปี 2556 และ 8% โดยเฉลี่ยในระยะยาว ในขณะที่ ทุกๆ 0.5% ของอัตรากําไรขั้นต้นที่มากกว่าที่เราคาด กําไรของบริษัทจะสูงกว่าที่เราคาด 6% ในปี 2566 และ 4% โดยเฉลี่ยในระยะยาว
ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งเอื้อต่อการลงทุนในอนาคต
ถึงแม้ว่าจะมีการขยายธุรกิจปัจจุบันและการเข้าซื้อกิจการในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ฐานะทางการเงินของ TPAC ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิ/ทุนอยู่ที่ 1 เท่า ณ สิ้นเดือน มิ.ย. ซึ่งต่ำกว่าเงื่อนไขการกู้ยืมที่ 2 เท่า ดังนั้นบริษัทยังมีความสามารถในการกู้ยืมเงินเพิ่มเติม เพื่อใช้ในการลงทุนในอนาคต การวิเคราะห์สถานการณ์ของเราชี้ให้เห็นว่า TPAC จะสามารถกู้ยืมเงินได้อีกราว 2.6 พันล้านบาท จึงจะแตะเงื่อนไขการกู้ยืม