KS Daily View 01.09.2023 >>> มองดัชนีแกว่งตัวในกรอบ กลุ่มพลังงานอาจมีรีบาวด์ แต่คาดตลาดเข้าสู่โหมดพักตัวระยะสั้นหากปิดสัปดาห์ดัชนีไม่พ้น 1,575 จุด ประเมินกรอบซื้อขาย 1,555/1,575 หุ้นแนะนำ SNNP CRC
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้
ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.48%, S&P 500 -0.16%, NASDAQ +0.11%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 เช่น Consumer (+0.51%), Information technology (+0.37%), Energy (+0.15%) ขณะที่ Health care (-1.21%), Utilities (-1.03%), Real Estate (-0.76%)
ในประเทศ: SET Index -10.73 pts. หรือ -0.68% ปิดที่ 1,565.94 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ SCGP (+4.46%), CPAXT (+1.40%), JTS (+18.85%), SCB (+0.85%) ขณะที่ PTT (-2.11%), PTTEP (-2.76%), DELTA (-0.91%), AOT (-1.02%)
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: เมื่อตลาดไม่ได้มีปัจจัยบวกใหม่ชัดโดยยังคงลุ้นกับประเด็นเดิมๆ ขณะที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่โหวตนายกผ่านได้เศรษฐาเป็นนายก ตลาดจึงเปราะบางและสุดท้ายเมื่อมีข่าวลบเข้ามาไม่ว่าจะมากจะน้อยตลาดจึงมีพักตัวในที่สุด เรามองต้องมีพักตัวบ้างเป็นธรรมดาแต่บรรยากาศโดยรวมยังไม่เสียทรง แนวโน้มหลักยังเป็นการค่อยๆปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี ระยะสั้นเข้าสู่โหมดพักตัว มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,555/1,575 จุด
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ราคาน้ำมันดิบ WIT ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 2% ช่วงข้ามคืน หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่อง อีกทั้งตลาดเล่นเก็งกำไรประเด็นคาดการณ์ว่าซาอุฯอาจขยายการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบออกไม่ไม่เพียงแค่สิ้นเดือนหน้าแต่อาจขยายต่อเนื่องยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้ อาจส่งผลให้กลุ่มพลังงานอาจมีรีบาวด์
- สหรัฐฯรายงานตัวเลขภาคการผลิต Chicago PMI เดือน ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 48.7 จุด สูงกว่าที่ตลาดประเมินที่ 44.3 จุด และสูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 42.8 จุด สะท้อนดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯรายภูมิภาคเริ่มมีการฟื้นจากจุดต่ำสุดได้อย่างต่อเนื่อง
- ประธาน Fed สาขา Atlanta ให้สัมภาษณ์มองนโยบายการเงินของ Fed หรือกล่าวคืออัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันเข้มงวดและตึงตัวเพียงพอแล้วที่จะดึงให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมาย 2% ภายใต้กรอบเวลาที่เหมาะสม โดยให้ความเห็นว่าไม่ควรเสี่ยงให้ภาวะการเงินตึงตัวเกินไปโดยไม่จำเป็นซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์การชะลอตัวทางเศรษฐกิจในลักษณะที่ไม่พึ่งประสงค์
- ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบต่อไป (27 ก.ย.) มีโอกาสสูงที่จะปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ลงจากระดับ 3.6% ที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนพ.ค. โดยมีสาเหตุหลักมาจากแนวโน้มการส่งออกฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด ขณะที่อุปสงค์ในประเทศยังฟื้นตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ภาคการส่งออกจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาส 4/2566 ซึ่งเป็นผลของฐานวงจรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่เริ่มฟื้นตัว
- สศอ.รายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index – MPI) เดือนก.ค. หดตัว 4.43% YoY ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 5.00% YoY แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะปรับตัวลดลง 4.00% YoY เนื่องจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงชะลอตัวจากเศรษฐกิจโลกและกำลังซื้อที่ลดลง ส่งผลกระทบมายังภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มที่ผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก อย่างไรก็ดี หากลงไปดูที่ตัวเลขการส่งออกและนำเข้าจะพบว่า การนำเข้าสินค้าทุนจำพวกเครื่องจักรมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อการส่งออกในอนาคต
- นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังลงพื้นที่พบปะประชาชนบริเวณตลาดเมืองไทยภัทร ย่านห้วยขวาง โดยมีประชาชน พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากให้การต้อนรับ พร้อมให้กำลังใจในการทำงานเดินหน้าแก้ไขปัญหาประเทศว่า เสียงสะท้อนจากประชาชนส่วนใหญ่เป็นเรื่องค่าครองชีพ พร้อมยืนยันนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะเริ่มได้ไตรมาส 1/2567 แน่นอน
- ทางการญี่ปุ่นเตรียมพิจารณาออกมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมประมง หลังได้รับผลกระทบจากคำสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลญี่ปุ่นของจีน เนื่องจากญี่ปุ่นปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่ทะเล
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
สัปดาห์นี้ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,540 – 1,585 จุด บนมุมมองเชิงบวกต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว พร้อมกับภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นโลกที่ฟื้นตัวจากสัญญาณดอกเบี้ยใกล้พีค และจีนมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม พร้อมคาดว่า Fund flow จะหยุดขายหุ้นไทย และอาจมีบางส่วนไหลกลับเข้าลงทุนด้วย Theme ในสัปดาห์นี้แนะนำกลยุทธ์ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หรือมีแนวโน้มผลประกอบการ 2H23 ฟื้นตัวขึ้น
หุ้นแนะนำวันนี้
- Top pick: SNNP (ราคาพื้นฐาน 30.3 บาท) งบไตรมาส 2/2566 รายงานกำไรสูงสุดใหม่ มองไปไตรมาส 3/2566 คาดกำไรเร่งตัวต่อ และมีแนวโน้มว่า 4/2666 จะเติบโตขึ้นไปอีก ภาพทั้งปีคาดผลประกอบการเติบโต 40% ปีนี้ และ 25% ปีหน้า ขณะที่ valuation เทรดที่ PE 23x บน EPS ปี 2567 มองเป็นหุ้นเติบโตสูง ขณะที่ valuation ยังไม่แพง ราคาหุ้นยัง laggard มองหุ้นมีความน่าสนใจ
- Top pick: CRC (ราคาพื้นฐาน 52.5 บาท) คาดบริษัทได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เวียดนามโดยเฉพาะการปรับลด VAT ที่ลดลงจาก 10% เหลือ 8% เป็นการชั่วคราวถึงสิ้นปีเชื่อกระตุ้นให้เกิดการเร่งใช้จ่ายในช่วงมาตรการ อีกทั้งมองบริษัทได้อานิสงค์จากภาคการท่องเที่ยวไทยที่ฟื้นตัวและมาตรการรัฐทั้งค่าไฟลดและการเร่งตัวของการบริโภคของภาคเอกชน
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. ตลาดคาดที่ 169k ตำแหน่ง เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 187k ตำแหน่ง ต่อด้วยอัตราการว่างงานของสหรัฐฯตลาดคาดที่ 3.5% ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและปิดท้ายสัปดาห์ด้วยตัวเลขดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ (US ISM manufacturing PMI) ตลาดคาดที่ 46.9 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 46.4 จุด