KS Daily View 05.09.2023 >>> คาดรีบาวด์ หลังลงแรง 3 วันติด ประเมินกรอบ SET ซื้อ-ขาย 1,545/1,560 จุด หุ้นแนะนำ AOT, AAV

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้

ต่างประเทศ: ปิดตลาดเนื่องจากวันหยุดแรงงานในสหรัฐฯ

ในประเทศ: SET Index -12.83 pts. หรือ -0.82% ปิดที่ 1,548.68 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ TLI (+3.25%), KBANK (+0.77%), SCB (+0.42%), STA (+6.54%) ขณะที่ GULF (-3.14%), DELTA (-0.91%), AOT (-1.03%), BDMS (-1.80%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

มองระยะสั้นตลาดยังอยู่ในโหมดพักตัว กลุ่มพลังงานถูกกดดันจากกระแสข่าวมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐทั้งลดค่าไฟและราคาน้ำมัน ประเมินพื้นฐานกระทบอาจไม่มากแต่กระทบเชิงจิตวิทยาเป็นหลัก กอปรกับมีข่าวน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเล หุ้นพลังงานแม้บางตัวไม่เกี่ยวเนื่องก็ถูกฉุดลงหมดจากประเด็นกดดันเหล่านี้ เรียกได้ว่าตลาดจะพักตัวประเด็นลบอะไรเข้ามาก็พร้อมมีแรงขาย แต่ด้วยดัชนีปรับตัวลงรวมแล้วกว่า 30 จุดตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทำให้คาดดัชนีอาจมีการรีบาวด์ได้บาง มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,545/1,560 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) บริษัทไทยออยล์ (TOP) เผยขณะขนถ่ายน้ำมันดิบพบมีท่อจ่ายแตกรั่วทำให้มีน้ำมันดิบไหลลงทะเล บริษัทจึงได้ดำเนินการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุร่วมกับเจ้าท่าโดยทำการล้อมบูมและฉีดพ่นสารเคมีจุดเกิดเหตุ คาดผลกระทบต่อ EPS จะอยู่ราวๆ 1.5 บาท – 3 บาท/หุ้น แล้วแต่กรณี โดยหากแปรเป็นราคาหุ้นโดยใช้ PBV ที่ 0.7x ในปัจจุบัน เชื่อกระทบราคาหุ้นประมาณ 2 บาท

2.) หลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้คำมั่นที่จะลดราคาน้ำมันทันทีหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและรมว.พลังงาน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการลดราคาพลังงานตามนโยบายของรัฐบาล โดยเตรียมเสนอปรับลดราคาน้ำมัน-ไฟฟ้า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน พร้อมเตรียมเปิดนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถหาพลังงานในราคาที่เป็นธรรมและเหมาะสม โดยด้านนักวิชาการชี้วิธีเร่งด่วนหนีไม่พ้นต้องใช้แนวทางลดภาษี ซึ่งเป็นวิธีที่จะไม่ได้สร้างผลกระทบต่อค่าการตลาดของกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน

3.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน นาย วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวกับ เรเจป ไตยยิป แอร์โดอาน ประธานาธิบดีตุรกี ว่ารัสเซียพร้อมเปิดการเจรจาข้อตกลงทะเลดำ (Black Sea Initiative) เพื่อเปิดทางให้สามารถขนส่งขนส่งธัญพืชออกจากยูเครนได้อย่างปลอดภัย หลังจากที่ข้อตกลงหมดอายุลงในเดือนก.ค.ที่ผ่านมาและไม่ได้มีการเจรจาต่ออายุข้อตกลงเนื่องจาก ข้อตกลงนี้อำนวยความสะดวกให้การขนส่งธัญพืชของยูเครนเพียงฝ่ายเดียว แต่การส่งออกอาหารและปุ๋ยของรัสเซียนั้นเผชิญกับอุปสรรค

4.) หลังมีข่าวอินเดียเตรียมแบนการส่งออกน้ำตาลครั้งแรกในรอบ 7 ปี ล่าสุดสำนักข่าวต่างประเทศรายงานแผนการระงับการส่งออกน้ำตาลของอินเดียอาจยาวนานอย่างน้อย 1 ปี ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2566 – ก.ย. 2567 เนื่องจากผลผลิตอ้อยลดลง เหตุฝนไม่ตกตามฤดูกาล ส่งผลให้กลุ่มประเทศในอาหรับซึ่งผู้นำเข้าน้ำตาลหลักต้องเตรียมพร้อมรับมือราคาของหวานทุกชนิดที่ปรับราคาสูงขึ้น

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

สัปดาห์นี้ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,555 – 1,595 จุด บนมุมมองเชิงบวกต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หลังโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว โดยมีการประเมินเบื้องต้นว่าจะกำหนดการแถลงนโยบายในวันที่ 8 ก.ย. 66 และนัดประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกในวันอังคารที่ 12 ก.ย. 66 ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ นโยบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย และนโยบายลดราคาขายปลีกน้ำมัน รวมถึงค่าไฟ เป็นต้น นอกจากปัจจัยบวกภายในประเทศแล้วราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นด้วย

หุ้นแนะนำวันนี้

Top pick: AOT (ราคาพื้นฐาน 76.63 บาท) หลังจากผลประกอบการเริ่มพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ในไตรมาสก่อน คาดจะเร่งตัวชัดมากขึ้นในระยะถัดไปจากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีมาตรการฟรีวีซ่า

Top pick: AAV (ราคาพื้นฐาน 3.10 บาท) มองบริษัทได้ประโยชน์หากรัฐบาลประกาศมาตรการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน-อินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทมีสัดส่วนของนักท่องเที่ยวจีนมากกว่าคู่แข่ง อีกทั้งได้อานิสงค์มาตรการลดภาษีน้ำมันเครื่องบินท่ามกลางการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวและเที่ยวบิน

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันอังคาร ติดตามการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (Royal Bank of Australia – RBA) ในช่วงเช้าโดยตลาดคาดธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.1% ต่อด้วยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศไทย (Consumer Price Index – CPI) เดือน ส.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.76% YoY เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่เพิ่ม 0.38% YoY ขณะที่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมผลของราคาพลังงาน (Core CPI)ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.80% YoY ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ เพิ่มขึ้น 0.86% YoY
  • วันพุธ ติดตามตัวเลขดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ (US ISM service PMI) ตลาดคาดจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.7 จุดเป็น 52.6 จุดในเดือนส.ค. และช่วงข้ามคืนติดตามหนังสือรายงานภาวะเศรษฐกิจจาก Fed ทั้ง 12 สาขา (Beige Book) อาจสะท้อนมุมมองของสภาชิก Fed ที่มีต่อทิศทางนโยบายการเงินในระยะถัดไป
  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลข การค้าของจีน โดยตลาดคาดตัวเลขส่งออกจีนเดือน ส.ค. จะหดตัว 9.8% YoY แต่ดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าที่หดตัวถึง 14.5% YoY ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าตลาดคาดจะลดลง 8.8% YoY หดตัวในอัตราที่ลดลงเช่นเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 12.4% YoY
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นสำหรับไตรมาส 2/2566โดยเป็นการประกาศตัวเลขครั้งที่ 2 เพื่อทบทวนและปรับปรุง ตลาดคาดขยายตัว 1.4% QoQ เทียบกับตัวเลขที่ประกาศในครั้งแรกที่ขยายตัว 1.5% QoQ
- Advertisement -