KS Daily View 6.09.2023 >>> มอง Sideway Up ตอบสนองข่าวซาอุฯขยายเวลาลดกำลังการผลิต ประเมินกรอบซื้อขาย 1,545/1,560 หุ้นแนะนำ PTTEP PSL

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA -0.56%, S&P 500 -0.42%, NASDAQ -0.08%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 เช่น Energy (+0.49%), Information technology (+0.39%), Communication services (+0.04%) ขณะที่ Materials (-1.81%), Industrials (-1.69%), Utilities (-1.54%),

ในประเทศ: SET Index -0.82 pts. หรือ -0.05% ปิดที่ 1,547.86 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ ADVANC (+0.47%), GULF (+0.54%), GPSC (+1.94%), CPF (+1.45%) ขณะที่ SCB (-2.11%), CBG (-5.44%), CPALL (-0.78%), BDMS (-0.92%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

มองระยะสั้นตลาดยังอยู่ในโหมดพักตัว การรีบาวด์ของดัชนี SET index วานนี้ค่อนข้างจำกัดและแทบไม่มีแรง โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงาน สะท้อนตลาดยังไม่เชื่อมั่น และรอพิจารณาปัจจัยใหม่ขับเคลื่อนตลาด ตลาดยังคงหมุนกระแสเงินเปลี่ยนกลุ่มเล่นแต่เล่นไวขึ้นตามข่าวบวก/ลบเฉพาะกลุ่ม โดยวันนี้มองดัชนีแกว่งตัวไซด์เวย์อัพตามข่าวบวกซาอุฯขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบและลุ้นครม.นัดหารือประชุมพิเศษเพื่อออกมาตรการทันทีเมื่อประชุมครม.จริงรอบแรกในสัปดาห์หน้า 12 ก.ย. มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,545/1,560 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) สำนักข่าวรายงานซาอุดีอาระเบียตัดสินใจต่ออายุการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบโดยสมัครใจที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นปีนี้ การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการตัดสินใจต่อล่วงหน้า 3 เดือนแทนที่จะเป็นเดือนต่อเดือน ซึ่งหมายถึงการดึงอุปทานออกไปจากตลาดอีก 90 ล้านบาร์เรล แม้รัสเซียจะลดการปรับลดการส่งออกโดยสมัครใจจาก 500,000 บาร์เรลต่อวันเหลือ 300,000 บาร์เรลต่อวัน อุปทานที่ลดลงมาพร้อมกับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังตามปัจจัยฤดูกาล แม้เศรษฐกิจจีนอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า ส่งผลให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นช่วงข้ามคืนราว 1.5% โดยน้ำมันดิบเบรนท์ขึ้นไปแตะระดับ $90 ต่อบาร์เรลมองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTTEP, SPRC, ESSO, BCP, TOP ในขณะที่หุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงลบคือ OR, PTG

2.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2566 เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่วานนี้ ขณะที่วันนี้ 6 ก.ย. ครม.นัดประชุมพิเศษ อาจมีการหารือล่วงหน้าเพื่อเตรียมตัวแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันที่ 11 ก.ย. และประชุมครม.นัดแรก 12 ก.ย. นี้ ตลาดรอพิจารณาคาดอาจได้เห็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในเดือนนี้

3.) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงนโยบาย รถไฟฟ้า กทม. 20 บาทตลอดสาย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ว่านโยบายรถไฟฟ้า กทม. 20 บาทตลอดสาย จะไม่ถูกเขียนเอาไว้ในนโยบายของรัฐบาลที่เตรียมจะแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาในสัปดาห์หน้าเนื่องจากไม่ใช่นโยบายเร่งด่วน แม้ว่าต้องการทำแต่มีปัญหาและเรื่องนโยบายอื่น ๆ ที่มีความสำคัญมากกว่า จึงต้องนำเงินไปใช้ตรงนั้นก่อน อย่างไรก็ดี น่าจะไม่เกิน 2 ปีจะมีการผลักดันเพื่อนโยบายนี้ให้เป็นรูปธรรมให้ได้

4.) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เผยเนื่องจากประเทศไทยประกาศเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และการปล่อยคาร์บอนจะเป็นศูนย์ หรือ NET ZERO ในปี 2065 ซึ่ง กรมสรรพสามิตก็ได้ประกาศปรับบทบาทตัวเอง มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อมสังคม และธรรมาภิบาลเช่นเดียวกัน โดยเตรียมพิจารณาปรับเปลี่ยนวิธีการเก็บภาษีเพื่อให้เชื่อมโยงกับคาร์บอนให้มากขึ้น เล็งชงรัฐบาลใหม่รื้อโครงสร้างภาษีพลังงาน คิดตามการปล่อยคาร์บอน หนุนผู้ประกอบการปรับตัว ได้สิทธิลดหย่อนหากส่งออกไปยุโรป-อเมริกา

5.) TRUE จะมีการจัดงาน Capital Markets Day ในวันที่ 26 ก.ย. เวลา 13.00 น. ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าทางบริษัทอาจมีการเปิดเผยตัวเลข synergies จากการควบรวมกับ DTAC ในงานนี้ โดย นวค. KS ใส่ตัวเลขดังกล่าวไว้ในประมาณการ US$2,700m หรือ 94,359 ลบ (2.73 บาทต่อหุ้น) แนะนำ ซื้อ TRUE ราคาเป้าหมาย 9.28 บาท

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

สัปดาห์นี้ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,555 – 1,595 จุด บนมุมมองเชิงบวกต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หลังโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว โดยมีการประเมินเบื้องต้นว่าจะกำหนดการแถลงนโยบายในวันที่ 11 ก.ย. 66 และนัดประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกในวันอังคารที่ 12 ก.ย. 66 ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ คือ นโยบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย และนโยบายลดราคาขายปลีกน้ำมัน รวมถึงค่าไฟ เป็นต้น นอกจากปัจจัยบวกภายในประเทศแล้วราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นด้วย

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • PTTEP (ราคาพื้นฐาน 168 บาท) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรงตั้งแต่สัปดาห์ก่อนมารวมกว่า US$6-7 โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ขึ้นไปแตะถึงระดับ $90 ต่อบาร์เรล หลังซาอุดีอาระเบียตัดสินใจต่ออายุการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบโดยสมัครใจที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นปีนี้
  • PSL (ราคาพื้นฐาน 12.5 บาท) มองหุ้น laggard มีอัพไซด์เยอะ เนื่องจากราคาหุ้นถูกกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจจีน แต่ประเมินผลประกอบการจะฟื้นตัวแรงในปีหน้ากว่า 200% มองเริ่มมีการเก็งกำไรหุ้นเรือเทกองตั้งแต่ปีนี้จากความกังวลเรื่องอาหารขาดแคลน (Food shortage) ซึ่งเป็นบวกต่อบริษัท

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธติดตามตัวเลขดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ (US ISM service PMI) ตลาดคาดจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.7 จุดเป็น 52.6 จุดในเดือนส.ค. และช่วงข้ามคืนติดตามหนังสือรายงานภาวะเศรษฐกิจจาก Fed ทั้ง 12 สาขา (Beige Book) อาจสะท้อนมุมมองของสภาชิก Fed ที่มีต่อทิศทางนโยบายการเงินในระยะถัดไป
  • วันพฤหัสบดีติดตามตัวเลข การค้าของจีน โดยตลาดคาดตัวเลขส่งออกจีนเดือน ส.ค. จะหดตัว 9.8% YoY แต่ดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าที่หดตัวถึง 14.5% YoY ขณะที่ตัวเลขการนำเข้าตลาดคาดจะลดลง 8.8% YoY หดตัวในอัตราที่ลดลงเช่นเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 12.4% YoY
  • วันศุกร์ติดตามตัวเลข GDP ของญี่ปุ่นสำหรับไตรมาส 2/2566 โดยเป็นการประกาศตัวเลขครั้งที่ 2 เพื่อทบทวนและปรับปรุง ตลาดคาดขยายตัว 1.4% QoQ เทียบกับตัวเลขที่ประกาศในครั้งแรกที่ขยายตัว 1.5% QoQ
- Advertisement -