บล.บัวหลวง:

Betagro (BTG TB/BTG.BK)
BTG – ถึงเวลาทยอยสะสมหุ้น

เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อธุรกิจหมูไทยของ BTG ถ้าเทียบกับช่วงก่อนหน้า และมองว่า ณ ตอนนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีสําหรับการเข้าเก็บสะสมหุ้น BTG อีกครั้ง ก่อนที่กำไรจะกลับมาฟื้นตัวแรงในปี 2567 หลังจากที่ผ่านจุดต่ำสุดไปในปี 2566 ราคาหมูมีชีวิตไทยมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2567 เนื่องจากการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนที่คาดว่าจะหายไป และผลกระทบทางบวกจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่จะยังคงแรงต่อเนื่องไปในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เรา ปรับเปลี่ยนไปใช้เป็นราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2567 แทน (จากราคาเป้าหมายเดิมที่ใช้ ณ สิ้นปี 2566) และยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกําไร” สําหรับหุ้น BTG

ราคาหมูมีชีวิตไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือนก.ค. และคาดว่าจะฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงปลายไตรมาส 4/66

ณ ปัจจุบัน เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อราคาหมูมีชีวิตไทย เนื่องจากราคาหมูมีชีวิตไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 70 บาท/กก. ตั้งแต่กลางเดือนส.ค. เป็น ต้นมา ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากนํ้าหนักของหมูขุนที่ลดลง ปริมาณส่งออกหมูมีชีวิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่มขึ้น และสถานการณ์การลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนที่ทยอยปรับตัวดีขึ้นจนถึงสิ้นปี 2566 (ถึงแม้ว่าจะเป็นการยากที่จะประเมินถึงผลกระทบในแง่จํานวนหรือปริมาณของหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามา) ปัจจัย บวกอีกหนึ่งอย่าง ได้แก่ ฝนที่ตกน้อยกว่าปกติสําหรับในประเทศไทยในช่วงฤดูฝนของปีนี้ตั้งแต่ช่วงเดือนส.ค.-ต.ค. เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่คาดว่าจะรุนแรงมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ต่อเนื่องไปจนถึงอย่างน้อย ไตรมาส 1/67 เราคาดว่าราคาผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์หรือราคาเนื้อสัตว์บกไทยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นตั้งแต่กลางเดือนพ.ย. 2566 เป็นต้นไป (หลังจากสิ้นสุดช่วงเทศกาลกินเจในระหว่างวันที่ 15-23 ต.ค. 2556) ต่อเนื่องไปจนถึงช่วง เทศกาลสิ้นปีและเทศกาลปีใหม่ และช่วงตรุษจีนในวันที่ 10 ก.พ. 2567

ฤดูร้อนที่ร้อนกว่าปกติในปีหน้าจะส่งผลให้ราคาเนื้อสัตว์บกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2567

ราคาเนื้อสัตว์บกของไทยมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในช่วงเดือนเม.ย. 2567 เนื่องจากฤดูร้อนที่คาดว่าจะร้อนและแห้งแล้งกว่าปกติสําหรับในประเทศไทย ซึ่งเกิดจากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่ลากยาวไปถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2567 บวกกับการเข้าสู่ช่วงฤดูเปิดเทอมในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. 2567 เรามองว่านักลงทุนควรมองข้ามผลประกอบการที่คาดว่าจะแย่ในปี 2566 และหันไปมองผลประกอบการที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตโดดเด่นและแรงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2567 ถึงแม้ว่าจะยังคงมีความไม่แน่นอนต่ออุปทานหมูรอบใหม่ ที่จะเพิ่มขึ้นจากผู้ประกอบการหมูไทยรายย่อยในปี 2567 แต่เรามองว่าจะเห็นผลกระทบทางบวกสุทธิต่อราคาหมูไทยจากสถานการณ์หมูเถื่อนลักลอบ นำเข้าที่คาดว่าจะหายไปในปี 2567 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหมูมีชีวิตไทยในปี 2567 นอกจากนี้ เรามองว่าผู้ประกอบการหมูรายย่อยมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ตลาดได้ยากมากขึ้น เนื่องจากได้ทำการลดจำนวนแม่พันธุ์หมูไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ไม่นาน เรายังคงคาดว่าราคาหมูมีชีวิตไทยมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 80 บาท/กก. ในปี 2567

ต้นทุนวัตถุดิบที่อยู่ในช่วงขาลงตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังปี 2566 และต่อเนื่องไปในปี 2567

ราคาข้าวโพดในประเทศปรับตัวลดลงอีกครั้งจากระดับสูงสุดเมื่อเร็วๆ นี้ที่ 11.9 บาท/กก. (21-23 ส.ค.) เหลือ 11.3 บาท/กก. (5 ก.ย.) เรามองว่าราคาข้าวโพดในประเทศมีแนวโน้มลดลงเหลือ 10 บาท/กก. ในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. เนื่องจากผลผลิตที่จะเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวโพดของการปลูกในช่วงปลายฤดูฝ ของประเทศไทย ราคากากถั่วเหลืองในประเทศมีแนวโน้มลดลงจาก ณ ปัจจุบันที่ 21.2 บาท/กก. เหลือ 20 บาท/กก. ในช่วงไตรมาส 4/66 และคาดว่าจะปรับตัวลดลงไปอยู่ในกรอบ 17-19 บาท/กก. ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งจะเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองในทวีปอเมริกาใต้ โดยฤดูเก็บเกี่ยวจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมี.ค. ไปจนถึงเดือนพ.ค. 2567

วอลุ่มไก่ส่งออกที่ยังคงแข็งแกร่ง และการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในช่วงครึ่งหลังปี 2566; ปรับไปใช้เป็นราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2567 แทน

ถึงแม้ว่าราคาไก่ส่งออกมีแนวโน้มลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2566  เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในยุโรปที่ชะลอตัว และกำลังซื้อที่ลดลงในประเทศญี่ปุ่น จากเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างมากถ้าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ผู้บริหารยังคงยืนยันว่าวอลุ่มไก่ส่งออกของ BTG ยังคงยืนในระดับที่แข็งแกร่งสำหรับในช่วงครึ่งหลังปี 2566 โดยเฉพาะอย่างยิ่งวอลุ่มส่งออกและราคาส่งออกที่ขายไปยังสหราชอาณาจักรยังคงยืนในระดับที่ดีต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งหลังปี 2566 นอกจากนี้ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงของบริษัทคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัว หลังจากที่ สต๊อกสินค้าของลูกค้าเริ่มลดลง และลูกค้าหันกลับมาสั่งซื้อจากบริษัทตั้งแต่ไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป เราปรับเปลี่ยนไปใช้เป็นราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2567 แทน (จากเดิมที่ใช้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566) และได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 37 บาท

- Advertisement -