บล.กรุงศรีฯ:
INVESTMENT STRATEGY – โครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลอาจเปลี่ยนการเติบโต (และเงินเฟ้อ) ปี 24 (Prompt Act)
- What’s new
สิ่งสำคัญนโยบายสำคัญโครงการหนึ่งของพรรคเพื่อไทย คือ การเปิดตัวโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่มาพร้อมกับเครดิตเงิน 10,000 บาทต่อคน (อายุ 16 ปีขึ้นไป) การริเริ่มโครงการนี้จะทำให้รัฐบาลต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในระยะเวลาอันสั้น แม้ว่าจะมีความสับสนเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการ รวมถึงแพลตฟอร์มการโอนแหล่งที่มาของเงินทุน และการจัดการหนี้สาธารณะในอนาคต แต่เราพยายามที่จะประเมินผลกระทบสุทธิต่อโปรไฟล์การเติบโตของประเทศไทยในไตรมาสต่อๆ ไป
Analysis
เราเริ่มต้นด้วยการคาดการณ์พื้นฐานสำหรับประเทศไทยในปี 2024 เราคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.3%yoy ในปีหน้า ซึ่งแข็งแกร่งกว่าประมาณการการเติบโต 2.8% ในปี 2023 เล็กน้อย ตัวแปรที่สำคัญที่สุดคือการเติบโตของการบริโภคภาคเอกชน นอกจากนี้ เรามีสันนิษฐานว่าโครงการนี้จะเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 และแล้วเสร็จภายในสองไตรมาส เนื่องจากแนวโน้มการบริโภคส่วนเพิ่มของประเทศไทยอยู่ที่ 0.7% และอัตราการปรับลดผลิตภัณฑ์ (growth deflator) คือ 2% เราคาดว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะเร่งตัวขึ้น 6% ในปีหน้า ซึ่งจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 5.4% yoy (เทียบกับการเติบโตพื้นฐานที่ 3.3%)
จากสมมุติฐานนี้ ตลาดหุ้นไทยน่าจะตอบสนองเชิงบวก เราประเมินว่า SET Index จะเข้าใกล้ 1,750 จุดภายในสิ้นปี 2024 นอกจากนี้เรายังคาดว่ากองทุนต่างประเทศบางส่วนจะกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยจากสถานการณ์นี้ เนื่องจากกระแสเงินต่างชาติมักจะเคลื่อนไหวตามสอดคล้องกับอุปสงค์ในประเทศ แต่อาจมีความเสี่ยงด้านลบ – ธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) อาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม เพื่อจัดการอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากอุปสงค์จากการดำเนินโครงการนี้ เราประเมินการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่สูงขึ้นจะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปโดยรวมอยู่ที่ 2.5% yoy ซึ่งใกล้เคียงกับเพดานเป้าหมายสูงสุดของธนาคารกลางมากเกินไป นั่นหมายความว่าผลรวมสุทธิต่อการเติบโตอาจน้อยกว่าที่เราประมาณการไว้ก่อนหน้านี้