KS Daily View 11.09.2023 >>> มอง SET แกว่งขึ้นเก็งกำไร บนการแถลงนโยบาย/มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กรอบซื้อ-ขาย 1,540/1,560 จุด หุ้นแนะนำ CENTEL, SAK

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.22%, S&P 500 +0.14%, NASDAQ +0.09%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 เช่น Energy (+0.97%), Utilities (+0.96%), Communication services (+0.35%) ขณะที่ Real estate (-0.63%), Industrials (-0.46%), Health care (-0.04%)

ในประเทศ: SET Index -3.19 pts. หรือ -0.21% ปิดที่ 1,547.17 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ TRUE (+3.68%), CPAXT (+1.42%), MTC (3.18%), KTC (2.15%) ขณะที่ DELTA (-1.40%), AOT (-1.05%), BDMS (-0.91%), CPN (-1.10%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: มองดัชนีตลาด SET index ปรับตัวขึ้นวันนี้เก็งกำไรบนคาดหวังครม.เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทันทีหลังแถลงนโยบายและประชุมครม.รอบแรกในวันพุธนี้ มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,540/1,560 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) บริษัทเอกชนภาคท่องเที่ยวไทยเผยสับสนนโยบายกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของรัฐบาลเศรษฐาว่าจะเป็นการเปิดให้ฟรีวีซ่า ไม่ต้องขอ หรือแค่ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า โดยเผยนักท่องเที่ยวจีนเริ่มชะลอการเดินทาง แล้ว 2 สัปดาห์ ทำให้ตลาดเสียหาย โดยเน้นว่านโยบายควรเป็นฟรีวีซ่าเท่านั้นหรือไม่ต้องขอวีซ่า ไม่ใช่แค่วีซ่าฟรีหรือการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าเท่านั้น และประเมินว่าหากนโยบายเป็นเพียงระยะสั้นแค่ 3 เดือนอาจไม่มีประโยชน์ เพราะนักท่องเทียวยังไม่ทันเตรียมตัวเตรียมแผนการเดินทาง มองว่าอย่างน้อยนโยบายต้องลากยาว 6 เดือน

2.) นักวิชาการด้านพลังงานเผยนโยบายเปิดเสรีในการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปผลกระทบจำกัดเพราะทุกวันนี้เปิดเสรีอยู่แล้ว และราคานำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์ก็ไม่ได้แตกต่างจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปจากโรงกลั่นในประเทศ เนื่องจากสูตรการคำนวณราคา ณ หน้าโรงกลั่นไทย ก็ใช้ราคาอ้างอิงสิงคโปร์อยู่แล้วส่วนเรื่องจะไปช่วยกดดันให้ค่าการตลาดลดลงนั้นมองปัจจุบันค่าการตลาดไม่ได้สูงมาก อยู่ที่ประมาณ 2 บาท/ลิตรเท่านั้น ดังนั้นถึงเปิดเสรีก็ไม่น่าจะทำให้ราคาหน้าโรงกลั่นกับราคานำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปแตกต่างกัน ดังนั้นนโยบายการลดราคาน้ำมันในประเทศมองว่าอาจสามารถทำได้เพียงแค่จากการลดภาษีสรรพสามิต ซึ่งปัจจุบันเก็บอยู่ประมาณลิตรละ 6 บาท

3.) ทางการฟิลิปปินส์ประกาศยกเลิกข้อจำกัดในการนำเข้าข้าวหลังใช้มาตรการดังกล่าวมานานกว่า 20 ปี เนื่องจากวิกฤตราคาข้าวพุ่งสูงตามรายงานเงินเฟ้อฟิลิปปินส์เดือนส.ค.ที่เพิ่มแตะระดับ 5.3% YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดและเดือนก่อนหน้าที่ 4.7% YoY ตามราคาพลังงานและราคาข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้น ด้านธนาคารกลางฟิลิปปินส์เตือนพร้อมกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มทางการเงินอีกครั้งหากจำเป็น

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,540 – 1,585 จุด คาดแกว่งตัวรอทิศทางจากพัฒนาการสำคัญเช่น การแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 11-12 ก.ย. และการประชุม ครม.​ ในวันที่ 13 ก.ย.ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนเรื่องนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ นโยบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย นโยบายลดราคาพลังงาน เป็นต้น รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยของเฟดหลังการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯกับจีน

หุ้นแนะนำวันนี้

Top pick: CENTEL (ราคาพื้นฐาน 47.15 บาท) มองมีupside ของผลประกอบการจากโอกาสปรับสมมติฐานนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โรงแรมจะได้ประโยชน์จากการเข้าพักของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากชาวจีนและอินเดียหากภาครัฐมีการออกมาตรการฟรีวีซ่าช่วยการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม

Top pick: SAK (ราคาพื้นฐาน 6.7 บาท) ราคาหุ้นปรับตัวลงราว 15% YTD บนความกังวลเรื่องกำลังซื้อของกลุ่มรากหญ้าและคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลงช่วงต้นปี อย่างไรก็ดีภาพแนวโน้มธุรกิจคาดจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลังโดยเรามอง NPL เริ่มควบคุมได้ ทำให้ credit cost ในช่วงครึ่งปีหลังจะต่ำกว่าครึ่งปีแรก อีกทั้งราคาสินค้าเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและนโยบายภาครัฐที่จะช่วยหนุนมองเป็นบวกกับบริษัท กอปรกับราคาหุ้นมี upside valuation ทำให้เรามองหุ้นมีความน่าสนใจเข้ากับกระแสปัจจุบัน

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตามตัวเลขการปล่อยสินเชื่อใหม่ของจีน (New Yuan loans) เดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 1,200 พันล้านหยวน เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 346 พันล้านหยวน และตัวเลขอุปทานเงินในระบบของจีน (Money supply) เดือน ส.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 10.7% YoY ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ในส่วนของประเทศไทยติดตามการแถลงนโยบายของครม.ว่าจะกรอบนโยบายในการบริหารจัดการพัฒนาประเทศอย่างไร
  • วันอังคาร ติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยุโรป (Eurozone Zew Economic sentiment) เดือน ก.ย. ตลาดคาดที่ -12.0 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -12.3 จุด และตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมัน (German Zew Economic sentiment) เดือน ก.ย. ตลาดคาดที่ -4.3 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -5.5 จุด
  • วันพุธ ติดตามตัวเลขเงินดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯทั่วไป (Consumer Price Index – CPI) เดือน ส.ค. ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 3.4% YoY สูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 3.2% YoY ขณะที่ตัวเลขเงินดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาพลังงาน (Core Consumer Price Index – Core CPI) ตลาดคาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.5% YoY ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 4.7% YoY ในส่วนของไทยติดตามการประชุมครม.ชุดใหม่ครั้งแรกรอพิจารณาว่าครม.จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา
  • วันพฤหัสฯ ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)ตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25% ต่อด้วยตัวเลขค้าปลีก (Retail sales) ของสหรัฐฯเดือนส.ค. ตลาดคาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.9% YoY ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 3.2% YoY
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial production) ของจีนเดือนส.ค. ขยายตัว 4% YoY สูงขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 3.7% YoY และตัวเลขค้าปลีกจีน (Retail sales) เดือนส.ค. ตลาดคาดขยายตัว 2.8% YoY เพิ่มขึ้นเมือเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 2.5% YoY ต่อด้วยตัวเลขภาคการผลิต Empire State manufacturing index เดือน ก.ย. ตลาดคาดที่ -10 จุด ดีขึ้นเมือเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -19 จุด และตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (University of Michigan consumer sentiment – UOM)เดือนก.ย. ตลาดคาดทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 69.5 จุด
- Advertisement -