รอความชัดเจนเพิ่มเติม / 1,530-1,550

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET แกว่งตัววนเวียนในกรอบ : คาดบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงผ่อนคลายในช่วงสั้น โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ สะท้อนจาก Dollar Index ที่ร่วงลงทดสอบระดับ 104.4 จุด ก่อนที่จะมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือนส.ค. ในคืนวันพรุ่งนี้ กอปรกับได้แรงหนุนจากการออกมาตรการกระตุ้นศก.ของรัฐบาลจีนที่เริ่มเห็นผล หลังแนวโน้มอุปสงค์ในจีนเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้น สอดรับกับตัวเลขศก.ในเดือนส.ค. ได้แก่ 1) ยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนที่ดีดตัวสู่ 1.36 ล้านล้านหยวน และ 2) ยอดขายรถยนต์ที่จีนปรับตัวขึ้น 8.4% y-yสู่ 2.58 ล้านคัน (ตามข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน)
  • ด้านการเมืองไทยคาดเป็นแรงหนุนเบาๆ ต่อ SET Index หลังได้ price-in ตอบรับนโยบายต่างๆ ไปมากแล้ว อีกทั้งมี Valuation ไม่น่านึงดูดในภาพรวม ด้วยระดับ P/E ของ SET Index ที่ระดับ 17.5x เข้าใกล้ค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 18.3x นอกจากนี้ ทางขึ้นของ SET Index คาดถูกจำกัดจากการชะลอเทขายของนักลงทุนที่ไม่ชอบความไม่แน่นอน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงรอติดตามเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ที่เกิดจากการผสมข้ามขั้ว สอดรับกับการขายสุทธิใน SET Index ตลอดทุกวันทำการในเดือนก.ย. รวมขายสุทธิ Mtd ที่ 9.37 พันลบ. ดังนั้น การลงทุนในวันนี้ คาดหุ้น/Sector ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจะมีความน่าสนใจ อาทิ กลุ่มสื่อสารที่มีปัจจัยบวกจากงานเปิดตัว IPhone 15 กลุ่มร.พ.ที่เป็น High season และกลุ่มท่องเที่ยวรับนโยบายเร่งด่วนอย่างฟรีวีซ่าหวังรับนทท.จีน ในช่วง Golden Week ขณะที่วันนี้ติดตามการแถลงนโยบายต่อสภาของรัฐบาลนายกฯเศรษฐา ทวีสิน เป็นวันที่สอง ซึ่งอาจเผยให้เห็นถึงแนวทาง/นโยบายศก.ของรัฐบาล
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) ท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง: AOT, BA, BEM, CENTEL, ERW, MBK 2) High season ร.พ.: BCH, BDMS, CHG 3) นิคมฯ+ก่อสร้าง: AMATA, CK, STEC, WHA และ 4) Selective: ADVANC, BCGP, ITC, TRUE

ปัจจัยบวก

  • ก.พาณิชย์เตรียมเจรจา FTA กับ EU รอบแรก วันที่ 18-22 ก.ย. นี้ โดยตั้งเป้าจะสรุปผลการเจรจาภายใน 2 ปี ด้าน IFD คาด FTA ไทย-EU จะช่วยให้ GDP ไทยขยายตัว 1.28%/ปี การส่งออกเพิ่มขึ้น 2.83%/ปี
  • รมว.คมนาคมเผยรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสายจะเร่งผลักดันภายใน 3 เดือนเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน นำร่อง 2 เส้นทาง คือ สีแดงและม่วง
  • PBOC เผยยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.36 ล้านล้านหยวน ซึ่งแกร่งกว่าในเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 3.459 แสนล้านหยวน
  • รอยเตอร์รายงานโดยอ้างแถลงการณ์รัฐบาลจีนและสื่อท้องถิ่น ซึ่งระบุว่าจี่หนานและชิงเต่า ได้ดำเนินการตามเมืองใหญ่อื่นๆ ด้วยการยกเลิกกฎข้อบังคับทั้งหมดที่จำกัดไม่ให้ประชาชนซื้อและขายบ้าน เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนซื้อบ้านมากขึ้นและเพื่อทำให้ตลาดอสังหาฯที่ซบเซากลับมาคึกคักอีกครั้ง

ปัจจัยลบ

  • EC คาดศก.เยอรมนี ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป หดตัว 0.4% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดไว้ที่ขยายตัว 0.2% ขณะที่ปี 67 EC ได้ลดคาดศก.เยอรมนีจากขยายตัว 1.4% เหลือ 1.1%
  • FAO เผยราคาข้าวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี ในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้น 9.8% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย. โดยเป็นผลมาจากการที่อินเดียระงับการส่งออกข้าวมาตั้งแต่เดือนก.ค. ประกอบกับผลผลิตข้าวลดลงในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวในซีกโลกเหนือ
  • ปธน.สหรัฐฯและเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ได้ร่วมกันออกคำเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคามหรือการใช้ความรุนแรงในทะเลจีนใต้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการตอบโต้จีนที่มีอำนาจเพิ่มมากขึ้นในทะเลจีนใต้

PICKS OF THE DAY

BEM BUY

  • เป้าหมาย 9.00 / 9.20 แนวรับ 8.30 / 8.50
  • ส.ค. ทางด่วนโต y-y และรถไฟฟ้าทำ new high: BEM ผู้ใช้เฉลี่ยต่อวัน ทางด่วน +4.3% และรถไฟฟ้า +31.3% y-y ซึ่งรถไฟฟ้าเป็นค่าเฉลี่ย new high เป็นผลจากศูนย์สิริกิติ์มี event โดย 25 ส.ค. มีผู้โดยสาร 5.27 แสนคน ซึ่งเป็นตัวเลขรายวันสูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินการ อีกทั้ง ยังมีการเปิดใช้รถ ไฟฟ้าสายสีเหลือง
  • 3Q66 คาดกำไรโต q-q และ y-y: ก.ย. คาดผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้ายังคงโตต่อเนื่อง เพราะไม่มีวันหยุด ทำให้ค่า เฉลี่ยจะสูงกว่า ส.ค. ซึ่ง ก.ย. ในวันทำ งานบางวันมีผู้ใช้สูงถึง 4.90 แสนคน จากผู้ใช้บริการที่สูงขึ้น อีกทั้งจะมีการรับเงินปันผลของ TTW เข้ามาอีก 221 ลบ. คาดกำไรใน 3Q66 จะเพิ่มขึ้นทั้ง q-q และ y-y

BCPG BUY

  • เป้าหมาย 10.30 / 10.60 แนวรับ 9.85
  • 3Q เข้าสู่ High Season: 3Q เข้าสู่ High Season ของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป.ลาว (114 MW) หนุนยอดขายไฟที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นตามค่าไฟที่เพิ่มขึ้นของโครงการดังกล่าว จากการเปลี่ยนไปขายไฟให้เวียดนาม (+5.9% จากเดิม 6.56 Uscent/kWh เป็น 6.95 Uscent /kWh)
  • ต่างประเทศโตดี: โอกาสโตจากต่างประเทศมีอีกมาก โดยจากแผนการลงทุนคาดว่าภายในปี 68 กำลังการผลิตในต่างประเทศจะเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของกำลังการผลิตรวม จากเดิม 67% ใน 2Q66 นอกจากนี้จากสัดส่วนกำลังการผลิตจากต่าง ประเทศที่ค่อนข้างมาก จะทำให้ได้ผลกระทบจากนโยบายลดค่าไฟของภาครัฐจำกัดอีกด้วย
- Advertisement -