ASL ANALYSIS GUIDE
SET index แกว่งตัว Sideway ในกรอบ 1,530-1,560

ประเด็นการลงทุน
1. จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
2. ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ
3. นายกฯเศรษฐา แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

วันนี้เคาะ EA แนวโน้ม 3Q66 คาดว่าจะรายงานกำไรสุทธิอ่อนตัวลง QoQ ในเชิง sentiment ราคาหุ้น EA ปรับตัวลงมาแล้วกว่า 37.4%YTDขานรับปัจจัยลบจากแนวโน้มธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวลงตามค่าไฟ Ft,ประเด็นทางการเมือง และข่าวไฟไหม้รถเมล์ไฟฟ้ารวมถึงการปรับลด EPS ของตลาดมามากพอสมควรแล้ว เรามีมุมมองที่เป็นบวกของธุรกิจ EV ในฐานะผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
MARKET STRATEGY

สรุปตลาดวานนี้ SET ปิดที่ 1,540.94 จุด ลดลง 6.23 จุด (-0.40%) มูลค่าซื้อขาย 41,601.46 ล้านบาท แกว่ง ไซด์เวย์เนื่องจากนักลงทุนติดตามรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และจับตาเงินเฟ้อสหรัฐ ตลาดคาด +0.2% MoM หนุนเฟดตรึงดอกเบี้ยสูง

Research Highlight: จีนออกมาตรการกระตุ้น ศก. // ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ // นโยบายเร่งแก้ปัญหา ศก.
จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • PBOC รายงานตัวเลขยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.36 ล้านล้านหยวนใน เดือน ส.ค. ดีกว่าที่ตลาดคาดที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 120 ล้านล้านหยวน (เทียบกับเดือนก.ค. ที่ 3.46 แสนล้านหยวน) สะท้อนความต้องการสินเชื่อของภาคครัวเรือนจีนเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังจากรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อพลิกฟื้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่มีการยกเลิกข้อกําจัดซื้อขายบ้านในเมืองใหญ่ (เช่นกำหนดให้คนต่างถิ่นที่อาศัยอยู่ในเมือง ดังกล่าวสามารถซื้อบ้านได้ในจำนวนจำกัด) เพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาฯ
  • สํานักงานบริหารระเบียบการเงินแห่งชาติของจีน (NAFR) ประกาศลดการประเมินน้ำหนักความเสี่ยง (Risk Weighting) สำหรับบริษัทประกันที่ถือหุ้นบลูชิพและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้น เพื่อสนับสนุนให้บริษัทประกันเหล่านี้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น หลังจากภาวะการชื้อขายในตลาดจีนซบเซาในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ทางการจีนได้ออกนโยบายการลดภาษีอากรสแตมป์ (stamp duty) สําหรับการซื้อขายหุ้น
  • สมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน (CAAM) รายงานยอดขายรถยนต์ปรับตัวขึ้น 8.4%YoY สู่ระดับ 2.582 ล้านคัน และผลผลิตรถยนต์ของจีนปรับตัวขึ้น 7.5%YoY สู่ระดับ 2575 ล้านคัน ใน เดือนส.ค. ซึ่งทั้งยอดขายและผลผลิตของเดือนส.ค.พลิกฟื้นจากการหดตัวลงในเดือนก.ค. โดยได้อานิสงส์จากนโยบายส่งเสริมการบริโภคของรัฐบาลจีน ทั้งนี้การผลิตและยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่พุ่งขึ้น 22% และ 27%
  • ประเมินว่าตัวเลขเศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปีนี้ของจีน มีโอกาสฟื้นตัวต่อในอัตราเร่ง หนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีนที่เน้นทั้งการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลัง ซึ่งรัฐบาลจีนได้ประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยได้ลดอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินสำรองภาคธนาคาร ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ และลดต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจ รวมถึงการบริโภค-ลงทุนภาคเอกชนเช่น ยานยนต์ไฟฟ้า ภาคอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนใน Infrastructure และ Al ทั้งนี้เราคาดหวัง GDP 66 ของจีนจะยังขยายตัวสูงกว่า 5%
  • เรามีมุมมองบวกต่อหุ้นกลุ่ม China Plays เช่น SCGP SCC PTTGC TOP IVL KCE HANA CBG
ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ
  • การเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันที่ 13 ก.ย.นี้ คาดปรับตัวขึ้นเป็น 3.6% จากเดือนก่อนที่ 3.2% หลังราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 23%QTD
  • โดยให้ระวังความผันผวนในช่วงปลายสัปดาห์นี้ เพราะคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ตอกย้ำเฟตจะยังเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย และตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง ส่งผลทำให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้น และเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น กดดันสินทรัพย์เสี่ยง
  • ด้าน Fed watch tool ระบุว่าตลาดให้น้ำหนัก 93% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย 5.25-5.50% ในการประชุม FOMC 19-20 ก.ย. นี้
นายกรเศรษฐา แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเร่งแก้ปัญหา เศรษฐกิจ
  • นโยบายเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจมี 4 นโยบาย ดังนี้

1. นโยบายเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะกระตุกเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นขึ้น ช่วยกระจายเงินเข้าสู่ระบบได้อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ดี นโยบายนี้ถูกสว. และฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างมากในแง่ของแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ เพื่อไม่ให้กระทบกับวินัยทางการคลังที่ถึงแม้ว่าปัจจุบันหนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ที่ระดับ 62% เทียบกับระดับที่ห้ามเกิน 70%

2. การแก้ไขปัญหาหนี้สินในภาคเกษตร SME และประชาชน

3. ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และราคาน้ำมันดีเซล

4. สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว โดยจะมีการปรับปรุงขั้นตอนการขอ VISA และจัดทํา Fast track VISA สำหรับกลุ่มประเทศเป้าหมาย

  • มองเป็นบวกต่อกลุ่มที่อิงกับการบริโภคในประเทศ เราแนะนำ CPAXT CPALL BJC CRC CPN AOT CENTEL MINT MTC TIDLOR SAWAD ADVANC
ติดตาม
  • 12 ก.ย. ประชุมครม.นัดแรก
  • 13 ก.ย. – US CPI
  • 14 ก.ย. ECB meeting, US PPI, Retail Sales
  • 15 ก.ย. – CH Industrial Production
  • 18-22 ก.ย. ก.พาณิชย์ไทยเจรจาทำ FTA กับ EU
  • 18-24 ก.ย. BOI โรดโชว์พบนักลงทุนสหรัฐฯ
  • 27 ก.ย. ประชุม กนง. ซึ่งธปท.จะมีการปรับลดคาดการณ์ GDP ลง
Investment Strategy
  • ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway ในกรอบ 1530-1560
  • แนะนำ Selective buy รายตัวในหุ้นที่มี 1. มีปัจจัยบวกมหภาคในระยะสั้น (เช่น ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวแรง, หุ้นที่อิงการบริโภคในประเทศจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ) 2. แนวโน้มผลประกอบการ 2H66F ดีกว่า1H66 และ 3. ราคาปัจจุบันยังมี upside > 15%
Global Markets

(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ บิดบวก ส่วนดัชนี Nasdaq ดีดขึ้นกว่า 1% โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นเทสลา ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่นำตลาด ปรับตัวขึ้นตามราคาโลหะพื้นฐานส่วนใหญ่ ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐและการประชุม นโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้

(-) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดลบ โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ และรายงานคาดการณ์แนวโน้มอุปสงค์และอุปทานน้ำมันในสัปดาห์นี้

(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการ เปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

หุ้นเคาะไป คุยไป..EA
  • แนวโน้ม 3Q66 คาดว่าจะรายงานกำไรสุทธิอ่อนตัวลง QoQ จาก 1. ธุรกิจไฟฟ้าที่หดตัวตามค่า ft ในงวด ก.ย. 66 รวมถึงปริมาณแสงอาทิตย์ที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล ทําให้ปริมาณการขายไฟลดลง แต่ได้โรงไฟฟ้าพลังงานลมเข้ามาหนุน 2. แนวโน้มการส่งมอบรถ EV ทรงตัว 650-700 คัน (1H66 ส่งมอบไปแล้ว 1,445 คัน เทียบกับเป้าทั้งปี 66 ที่ 3 พันคัน) และ 3. ธุรกิจลิเทียมไอออนยังขยายตัวได้ดีตามกำลังการผลิตที่เต็มกำลัง และการขยายตัวของธุรกิจโดยสารรถไฟฟ้า ขณะที่มีพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทชั้นนําระดับโลก เช่น Amita Technologies Inc. และ CATL ส่วนภาพรวม YoY คาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัวจากฐานที่ต่ำของปีก่อน ด้าน survey ของ Bloomberg ประเมินกำไรสุทธิทั้งปีเท่ากับ 8.57 พันล้านบาท +41.7%YoY และมีราคาเป้าหมายที่ 70.59 บาท
  • ในเชิง sentiment ราคาหุ้น EA ปรับตัวลงมาแล้วกว่า 37.4%YTD ขานรับปัจจัยลบจากแนวโน้มธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวลงตามค่าไฟ Ft ประเด็นทางการเมือง และข่าวไฟไหม้รถเมล์ไฟฟ้า รวมถึงการปรับลด EPS ของ ตลาดมามากพอสมควรแล้ว อย่างไรก็ดี เรามีมุมมองที่เป็นบวกของธุรกิจ EV ในฐานะผู้นําตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยบริษัทมีแผนการลงทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า การพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้า และการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 1 GWh และอยู่ในระกว่างการขยายกำลังการผลิตเป็น 2GWh (ภายใน 3Q66) และ 4GWh (ภายใน 1Q67) ขณะที่เป้าหมายรายได้ปีนี้ คาดขยายตัวมากกว่า 50%YoY โดยมาจากธุรกิจ Battery&EV สูงถึง 53%
- Advertisement -