บล.ไอร่า: 14/09/66

วันนี้คาดตลาด “Sideway Down”

แนวรับ 1,530 / 1,520 แนวต้าน 1,542 / 1,550 CPI ออกมาตามคาดยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นต่อ คาดจะกระตุ้นความกังวลเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงต่อไป และสร้างความไม่แน่นอนเก่ียวกับดอกเบี้ยของ FED ในเดือน พ.ย. ได้ สำหรับปัจจัยในประเทศไม่มีนโยบายใหม่เซอร์ไพรส์ตลาด

Our View? “แนวรับก็แค่เส้นบางๆ”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,530 / 1,520 และแนวต้านที่บริเวณ 1,542 / 1,550 เมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ส.ค. ออกมา +3.7%YoY / +0.6%MoM ใกล้เคียงที่ตลาดคาด จากแรงหนุนของการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงเดือน ส.ค. ขณะที่ตัวเลข Core CPI เดือน ส.ค. ออกมาอยู่ที่ระดับ +4.3% YoY / +0.3% MoM ใกล้เคียงที่ตลาดคาดเช่นกัน ขณะที่เงินเฟ้อจากภาคบริการอยู่ที่ระดับ +3.4%YoY / +0.2%MoM ยังอยู่ในระดับสูงและลดลงช้ากว่าที่ตลาดคาด สะท้อนเงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับสูง แม้เรามองว่าในการประชุม FOMC เดือน ก.ย. นี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คาดจะยังคงอัตราดอกเบี้ย เพื่อประเมินสถานการณ์ต่อไป แต่คาดว่าความไม่แน่นอนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน พ.ย. รวมถึงในช่วงปีหน้ามีมากขึ้น จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นตัวเลขของภาคการผลิตและภาคบริการยังคงแข็งแกร่งบ่งชี้ถึงกำลังซื้อในสหรัฐที่ยังแข็งแรงอยู่ อีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงเดือน ก.ย. นี้ คาดจะเป็นแรงกระตุ้นความกังวลดังกล่าวได้ต่อ

โดยเมื่อคืนนี้ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้นพยายามทำจุดสูงสุดใหม่ ก่อนจะชะลอตัวลงปิดที่ระดับ 88.52 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.32 ดอลลาร์ (-0.36%) โดยได้รับแรงกดดันจากการรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ออกมาเพิ่มขึ้น 3.95 ล้านบาร์เรล สวนทางจากที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 1.99 ล้านบาร์เรล สะท้อนถึงอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐเริ่มชะลอตัวลงบ้างเล็กน้อย ขณะที่เรายังมองการปรับเป้าอุปสงค์น้ำมันใหม่ของ OPEC ที่คาดว่าอุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.25 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี’67 เป็นสัญญาณถึง OPEC รับรู้ความต้องการน้ำมันในปี’67 ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้เราคาดว่า OPEC อาจจะเริ่มเพิ่มอุปทานให้ตลาดน้ำมันได้อีกครั้งในช่วงปีหน้า ซึ่งคาดจะส่งผลให้ราคาน้ำมันชะลอตัวลงได้ในภาพระยะกลาง ทั้งนี้เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มขนส่ง (PSL, WICE และ III) ที่คาดจะได้รับแรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วงของการ Restocking ก่อนหยุดปลายปี โดยเราเห็นค่าระวางเรือ (BDI) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เช้านี้อยู่ที่ระดับ 1,290 (+4.45%) ทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้น คาดอาจเห็นแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้

สำหรับปัจจัยภายในประเทศเรามีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุม ครม. เมื่อวานนี้มีมติ 1.) ฟรีวีซ่าสําหรับนักท่องเที่ยวจีน-คาซัคสถานชั่วคราว 5 เดือนจาก 25 ก.ย.’66 – 29 ก.พ.’67 เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม-สายการบิน (AOT, ERW, VRANDA, SPA, AAV และ BA) 2.) มาตรการพักชำระหนี้เกษตรกรและธุรกิจขนาดเล็ก 3 ปี มองเป็นบวกทางอ้อมต่อหุ้นในกลุ่มการเงินอาทิ MTC 3.) ปรับเปลี่ยนการจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็นเดือนละ 2 รอบคาดมีผล 1 ม.ค. 67 เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT และ TNP) 4.) ลดค่าไฟฟ้าจาก 4.45 บาท/หน่วยเหลือ 4.10 บาท/หน่วย เริ่มรอบบิล ก.ย. นี้ มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ คาดจะกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP (GPSC และ BGRIM) อ่อนตัวลงได้ต่อ 5.) ลดราคาน้ำมันดีเซลลงให้ต่ำกว่าระดับ 30 บาท/ลิตร (ปัจจุบันอยู่ที่ระดับราว 32 บาท/ลิตร) โดยการลดภาษีสรรพสามิตคาดไม่กระทบกับผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน ขณะที่หลังจากนี้ยังต้องติดตามเรื่องการออกมาตรการดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท คาดเป็นสิ่งที่ตลาดติดตาม อย่างไรก็ตาม เรายังมีความกังวลเกี่ยวกับการออกนโยบายดังกล่าวคาดจะส่งผลให้ฐานะการคลังของประเทศอ่อนแอลง คาดระดับหนี้ของรัฐบาลจะสูงขึ้น ขณะที่แนวทางในการที่กระทรวงการคลังอาจลดสัดส่วนการถือหน่วยลงทุนในกองทุนวายุภักษ์เพื่อหางบประมาณสำหรับการออกมาตรการดังกล่าว แม้ยังมีความไม่แน่นอน แต่คาดเป็นปัจจัย Overhang หุ้นในกลุ่มที่กองทุนวายุภักษ์ถืออยู่ อาทิ (PTT, SCB, TTB, KTB และ BCP) รวมทั้งยังเป็นปัจจัยกดดัน-จํากัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้ต่อ อีกทั้งเรามีความกังวลต่อValuation ของตลาดหุ้นไทยที่ยังตึงตัวจากคาดการณ์ EPS ล่าสุดจาก Bloomberg Consensus ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 90.0+/- ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังไม่ค่อยมีความน่าสนใจ