ครม.จัดให้! / 1,530-1,545
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET ชะลอการปรับตัวลง : หลัง ครม.มีมติเคาะมาตรการช่วยค่าครองชีพตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ลดค่าไฟต่อหน่วย ลงเหลือ 4.10 บาทต่อหน่วย จากระดับที่ 4.45 บาทต่อหน่วย นอกจากนี้ยังอนุมัติฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานชั่วคราว เป็นเวลา 5 เดือน คง Vat 7% ต่อไปอีก 1 ปี พร้อมพักหนี้เกษตรกร และ SME นาน 3 ปี ช่วยหนุนภาคการท่องเที่ยวและกำลังซื้อ ภายในประเทศ เป็นบวกต่อกลุ่ม COMM TOURISM TRANS และ BANK คาดจะเป็น Sentiment บวกช่วยจำกัด Downside ตลาดใน วันนี้ แต่มองการลดค่าไฟจะกดดันกลุ่มโรงไฟฟ้า เป็นโอกาส Trading Short ระยะสั้น ด้านปัจจัยภายนอก อัตราเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ส.ค. Headline CPI ขยายตัว 3.7% yy สูงกว่าคาดเล็กน้อยที่ 3.6% เป็นผลจากราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเดือนดังกล่าว ขณะที่ Core CPI ขยายตัว 4.3% y-y ตามที่ตลาดคาด โดยรวมออกมาใกล้เคียงตลาดคาดการณ์จึงไม่ได้สร้าง Sentimentaบกดดัน เพิ่มเติมในช่วงสั้นโดย Fedwatch Tool ยังให้น้ำหนักกับการคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดที่จะมาถึงในวันที่ 19-20 ก.ย. กว่า 97% อย่างไรก็ดีเงินเฟ้ออาจยังเป็นความเสี่ยงต่อการประชุมในครั้งถัดๆไป ขณะที่คืนนี้จับตารายงานตัวเลข PPI ค้าปลีก และผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในฝั่งสหรัฐกันต่อ รวมถึงการประชุม ECB ที่ทางฝ่ายคาดว่ามีแนวโน้มที่ ECB จะยังเดินหน้าปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ย เนื่องจากหากไม่แก้ไขปัญหาเงินเฟ้อโดยเร่งด่วน Eurozone อาจเผชิญปัญหาการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจควบคู่ไปกับ ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งจะซ้ำเติมให้ระบบเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้าลง
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) Defensive: BCH, BH, BDMS 2) รับมติครม.: CRC, AWC, CENTEL, BA, CBG, BCP, PTG 3) ดอกเบี้ยขาขึ้น: BBL, BLA 4) บาทอ่อนค่า : TU, KCE, ITC และ 5) Short Stock : CK, ITD, STEC, BGRIM
ปัจจัยบวก
- รัฐบาลตั้งเป้านทท.ต่างชาติปี 67 แตะ 40 ล้านคน ชู 10 มาตรการ restart ท่องเที่ยวครั้งใหญ่
- ผู้ก่อตั้ง “ไมเนอร์” เชื่อการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว หลังฟื้นสัมพันธ์ชาอุ โดยปัจจุบันมีเที่ยวบินจากซาอุฯ มาไทยวันละ 2 เที่ยว มองนักท่องเที่ยวจะมาเพิ่มอีกและจะมีอุปสงค์มหาศาลจนเรียกไทยว่าบ้านหลังที่ 2 ได้
- ครม.ขยายเวลาลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เหลือ 7% ออกไปถึง วันที่ 30 กันยายน 2567
- นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการเดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ยืนยันไม่กระทบวินัยการเงินการคลัง
ปัจจัยลบ
- SCB EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทย ปี 66 เหลือ 3.1% จากเดิมที่คาดว่าเติบโต 3.9% หลังตัวเลขจริงในไตรมาส 2/66 เศรษฐกิจโตต่ำกว่าคาดมาก โดยเฉพาะการส่งออกหดตัวแรงต่อเนื่อง แต่ยังมีแรงหนุนหลักจากการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว
- NFIB แถลงดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 91.3 ในเดือนส.ค. โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนเม.ย. จากระดับ 91.9 ในเดือนก.ค.
- IEA ระบุ แต่ตั้งแต่เดือนก.ย. การลดกำลังการผลิตของโอเปกพลัสจะส่งผลให้ขาดแคลนอุปทานอย่างมีนัยสำคัญตลอด 4Q66 อาจเพิ่มความกังวลต่อเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปี
PICKS OF THE DAY
BBL BUY
- เป้าหมาย 171.00 / 175.00 แนวรับ 165.00
- ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น: ด้วยโครงสร้างสินเชื่อของ BBL ที่ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อรายใหญ่ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว ทำให้ BBL จะเป็นธนาคารที่ได้รับประโยชน์จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นมากที่สุด
- สินเชื่อรายใหญ่มีความเสี่ยงต่ำ: สินเชื่อรายใหญ่ถึงแม้ว่าจะเป็นสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนต่ำ แต่ก็เป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำด้วย นอกจากนี้ BBL ยังเป็นธนาคารที่มีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงที่สุดในกลุ่มธนาคารด้วย โดยมีอยู่ถึง 263% จากค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่มีอยู่ที่เพียง 168%
TU BUY
- เป้าหมาย 14.70 / 15.20 แนวรับ 13.80 / 14.00
- เงินบาทอ่อนค่า: เงินบาทอ่อนค่าผู้ส่งออกหลักอย่าง TU ได้ประโยชน์ โดย 1H23 มีสัดส่วนขายในสหรัฐฯกว่า 40% ของรายได้ สูงสุดกว่าทุกภูมิภาค
- ต้นทุนลดลง: ราคาทูน่า 3Q66 ปรับตัวลงมาที่ 1,800 USD/ton ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 2,000 USD/ton ราคาแซลมอนและกุ้งยังคงปรับตัวลดลงตั้งแต่ไตรมาสที่สอง ซึ่งจะทำให้ภาพต้นทุนของ TU ลดลงได้ และคาดว่าผลประกอบการหลักจะฟื้นตัวต่อเนื่อง q-q ถึงแม้หากเทียบ y-y จะเป็นฐานที่สูงในปีก่อน แต่ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมารอเนื่องจากคาดว่าใกล้จบรอบการอ่อนตัวแล้วหลังผ่านพ้นไตรมาสนี้