ฟิลเตอร์ วิชั่น “FVC” ส่องทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 66 สดใส งัดแผนเจาะฐานลูกเดิมกระตุ้นกำลังซื้อใหม่ หนุนรายได้ทั้งปีโต 20%
บมจ. ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) ส่งสัญญาณธุรกิจครึ่งปีหลัง 2566 สดใสรับการฟื้นตัวของภาพรวมอุตสาหกรรม พร้อมประกาศแผนลุยขยายฐานลูกค้าเดิม หวังกระตุ้นกำลังซื้อใหม่และเน้นตลาดที่มีกำลังซื้อ ชูความเป็นผู้นำเทคโนโลยีบำบัดและฆ่าเชื้อในน้ำในกลุ่มธุรกิจB1 ด้านกลุ่มธุรกิจ B2 คึกคักรับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ส่งผลบวกกับอุตสาหกรรมอาหารมีการสั่งอุปกรณ์กรองน้ำ รวมถึงงานบริการดูแลบำรุงรักษาต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ B3มีการขยายสาขาประมาณ 4 – 8 แห่ง และเครื่องไตเทียมประมาณ 60 – 70 เครื่อง พร้อมลุยสร้างโรงงานผลิตน้ำยาไตเทียมตามแผน หนุนรายได้รวมทั้งปีโต 20%
ดร.วิจิตร เตชะเกษม ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลเตอร์ วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FVC เปิดเผยว่า ภาพธุรกิจครึ่งปีหลัง 2566 มีแนวโน้มการเติบโตที่สดใส โดยได้แรงหนุนจากยอดคำสังซื้อที่เพิ่มขึ้นจากทุกกลุ่มธุรกิจ ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านระบบน้ำที่เติบโต 20% พร้อมมุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมและกระตุ้นให้มีการซื้อสินค้าใหม่ รวมถึงการขยายตลาดเข้าในพื้นที่ที่บริษัทฯ มีศักยภาพในการแข่งขันและตลาดมีกำลังซื้อ นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังคงสานต่อกลยุทธ์การตลาดที่ต้องการเป็นผู้นำเทคโนโลยีบำบัดและฆ่าเชื้อในน้ำมาช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้า บริษัทฯ มีการขยายงานอย่างต่อเนื่องในการนำเสนองาน ผลิตภัณฑ์และโครงการสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำขนาดใหญ่ ปัจจุบันการให้บริการในส่วนกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการด้านระบบน้ำ (B1) ของ FVC มีคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าแล้ว 16 งานมูลค่ารวม 53.52 ล้านบาท คาดว่าจะติดตั้งให้แล้วเสร็จภายใน ปี 2566 จึงมั่นใจว่ารายได้ของธุรกิจในกลุ่ม (B1) เติบโตได้ตามเป้าวางไว้
ส่วนกลุ่มธุรกิจพาณิชย์และที่พักอาศัย (B2) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวจากทั้งในประเทศกลับมาคึกคักรับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจอื่น ๆ โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร ส่งผลคำสั่งซื้ออะไหล่ ไส้กรอง อุปกรณ์กรองน้ำ รวมถึงงานบริการดูแลบำรุงรักษา เริ่มกลับมาทยอยเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสอดรับกับการที่ลูกค้าเตรียมแผนงานติดตั้งระบบน้ำใหม่ ประกอบกับจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาด Covid-19 ส่งผลให้ลูกค้ามีความใส่ใจในเรื่องสุขภาพ ความสะอาดของอาหารและเครื่องดื่มเกี่ยวกับการจัดการเรื่องเชื้อปนเปื้อนในอาหาร ทำให้บริษัทฯ มีโอกาสในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับโอโซน เช่น เครื่องผลิตน้ำดื่มไฮโดรเจนและน้ำโอโซนให้กับลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่เพื่อเพิ่มยอดขายในกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ในพื้นที่การตลาดใหม่เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ปัจจุบันบริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าแล้ว ในส่วนของงานติดตั้งเครื่องกรองน้ำและงานจำหน่ายเครื่องผลิตน้ำแข็ง มูลค่ารวม 15.28 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยติดตั้งแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ปี 2567
และกลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์ (B3) ภายใต้การบริหารของบริษัทในเครือบมจ.เคที เมดิคอล เซอร์วิส (KTMS) มีการขยายธุรกิจตามแผน ปัจจุบัน KTMS ปัจจุบันบริษัทมีแผนสำหรับการขยายสาขาและเพิ่มเครื่องไตเทียมอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในไตรมาสที่ 3 ถึงไตรมาสที่ 4 ปี2566 จะขยายสาขาประมาณ 4 – 8 แห่ง และเครื่องไตเทียมประมาณ 60 – 70 เครื่อง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ด้าน บริษัท เนโฟรวิชั่นจำกัด ปัจจุบันบริษัทมีแผนสำหรับการเปิดสาขาและซื้อเครื่องไตเทียมในปี 2566 โดยคาดว่าภายในไตรมาสที่ 3 ถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2566 จะเปิดสาขา 1 – 2 แห่ง และซื้อเครื่องไตเทียมประมาณ 16 – 24 เครื่อง และเปิดสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมที่ จังหวัดลำพูนในเร็วๆนี้
ส่วน บริษัท เออร์วิง คอร์ปอเรชั่น จำกัด ปัจจุบันบริษัทได้รับคำสั่งซื้องานติดตั้งระบบนำจากลูกค้าแล้ว 11 โครงการมูลค่ารวม 6.77 ล้านบาท คาดว่าจะติดตั้งให้แล้วเสร็จในไตรมาสที่ 3 ถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2566 พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการสร้างโรงงานผลิตน้ำยาไตเทียม หลังจากได้เข้าซื้อที่ดิน โครงการ Factor Square ลำลูกกาคลอง 9 ที่จังหวัดปทุมธานี ขนาดพื้นที่ 2 ไร่ โดยมีมูลค่ารวม 70 ล้านบาท ด้านบริษัท เมดิคอล วิชั่น จำกัด ปัจจุบันได้รับคำสั่งซื้องานติดตั้งท่อลมรับ-ส่ง สิ่งส่งตรวจทางการแพทย์จากลูกค้าแล้ว 7 โครงการ มูลค่ารวม 10.88 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้งคาดว่าจะติดตั้งได้แล้วเสร็จในไตรมาส 3 ถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2566
“จากความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องมั่นใจว่าเป้าหมายรายได้ปี 2566 มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ระดับ 20% ตามแผน ส่วนในอนาคตบริษัทมีแผนจะแยกสัดส่วนรายได้จาก 3 ธุรกิจออกให้ชัดเจน พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจที่เกิดความและให้มีความเหมาะสมต่อการดำเนินงาน และคาดใน 2-3 ปีข้างหน้า อัตราการเติบโตโดยรวมของบริษัทมีโอกาสที่จะสูงถึง 30% ซึ่งจะเห็นจากการขยายศูนย์บริการไตเทียมของ KTMS หรือกลุ่ม B3 ส่วนกลุ่ม B2 คาดในอนาคตจะเติบที่ระดับ 15-20% ขณะที่ B1 ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง” ดร.วิจิตร กล่าวทิ้งท้าย