บล.บัวหลวง:

Khon Kaen Sugar Industry (KSL TB / KSL.BK)

KSL – ราคาน้ำตาลโลกมีแนวโน้มทะลุ 30 เซนต์/ปอนด์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567

เราแนะให้นักลงทุนมองข้ามผลประกอบการรายไตรมาส และหันไปให้ความสนใจกับราคาน้ำตาลโลกซึ่งซื้อขายในตลาดล่วงหน้า ซึ่งจะเป็นตัวแปรที่สะท้อนภาพของอุปสงค์และอุปทานของตลาดน้ำตาลโลกในอนาคต เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 3/66 ที่ออกมาแย่มากถือว่าเป็นโอกาสในการเข้าสะสะสมหุ้น KSL อีกครั้งหนึ่ง ภายใต้ความคาดหวังต่อราคาน้ำตาลโลกที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นไปเกิน 30 เซนต์/ปอนด์ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ภายใต้ประเด็นการลงทุนสำหรับปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่จะยังคงรุนแรงต่อเนื่องไปในครึ่งแรกของปี 2567

คาดการณ์ดุลน้ำตาลโลกพลิกกลับไปเป็นขาดดุลสําหรับในปี 2566/67

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา Alvean ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ค้าน้ำตาลระดับโลก ได้คาดการณ์ดุลน้ำตาลโลกที่เป็นขาดดุล 5.4 ล้านตันสำหรับในปี 2566/67 เนื่องจากผลผลิตน้ำตาลส่วนเกินจากประเทศบราซิล คาดว่าจะไม่สามารถกลบผลผลิตนํ้าตาลที่หายไปของประเทศไทยและประเทศอินเดียได้ และสำหรับในเดือนส.ค. ที่ผ่านมา องค์การน้ำตาลระหว่างประเทศ (ISO) รวมถึง CovrigAnalytics (บริษัทวิจัยธุรกิจน้ำตาลและเอทานอล) และ Czarnikow (ผู้ค้าและโบรกเกอร์น้ำตาลชั้นนำระหว่างประเทศ) ก็ได้ประมาณการดุลน้ำตาลโลกสําหรับในปี 2566/67 เป็นขาดดุลที่ 2.12 ล้านตัน 2.2 ล้านตัน และ 0.9 ล้านตัน ตามลำดับ เนื่องจากภาวะภัยแล้งในประเทศอินเดียและประเทศไทย ซึ่งได้รับผลกระทบที่รุนแรงโดยตรงจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ เราเชื่อว่าดุลน้ำตาลโลกที่พลิกกลับไปเป็นภาวะขาดดุลสำหรับในปี 2566/67 ราคานํ้ามันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาวะภัยแล้งในประเทศอินเดียและ ประเทศไทย ซึ่งเป็นผลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่จะเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาน้ำตาลโลกปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ในกรอบ 28-35 เซนต์/ปอนด์ สำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เรามองว่าอัพไซด์ของราคาน้ำตาลโลกจะมาจากผลผลิตอ้อยของไทยที่มีแนวโน้มต่ำกว่าที่คาด และแนวโน้มสูงที่ประเทศอินเดียจะห้ามส่งออกนํ้าตาลสําหรับในปี 2566/67

ประเทศอินเดียมีแนวโน้มห้ามส่งออกน้ำตาลสําหรับในปี 2566/67 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี

ผู้บริหาร KSL คาดราคาน้ำตาลโลกมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 24-26 เซนต์/ปอนด์ ถ้ามองไปข้างหน้า โดยปัจจัยหนุนจะมาจากความไม่สมดุลของอุปทานและอุปทานน้ำตาลทั่วโลก และการเปิดสถานะซื้อสุทธิเพิ่มเติมของ กองทุนเก็งกำไร (ซึ่งการเปิดสถานะซื้อสุทธิเพิ่มอีก 5% มีแนวโน้มหนุนราคานํ้าตาลโลกให้ปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 28 เซนต์/ปอนด์) ถึงแม้ว่าราคานํ้าตาลโลกที่ผู้บริโภคเต็มใจจ่ายและรับได้จะอยู่ที่ 25.5 เซนต์/ปอนด์ แต่ราคาน้ำตาลโลกมีโอกาสที่จะแตะระดับ 30 เซนต์/ปอนด์ ได้ หากประเทศอินเดียห้ามส่งออกนํ้าตาลจริงสําหรับในปี 2566/67 และเนื่องจากปริมาณน้ำฝน (ในช่วงระหว่างวันที่ 1 มิ.ย.-31 ส.ค.) สําหรับในรัฐมหาราษฏระและรัฐกรณาฏกะปรับตัวลดลง 23% YoY และ 18% YoY ตามลำดับ ซึ่งได้ส่งผลให้ผลผลิตน้ำตาลของประเทศอินเดียสำหรับในปี 2566/67 ลดลง 12% YoY (เหลือ 30 ล้านต้นสำหรับในปี 2566/67) ผู้บริหาร KSL จึงคาดว่ารัฐบาลอินเดียมีแนวโน้มที่จะห้ามส่งออกน้ำตาลสำหรับในปี 2566/67 นอกจากนี้ บริษัทเชื่อว่าประมาณการผลผลิตอ้อยของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายสำหรับปี 2566/67 ของประเทศไทยที่ 83.12 ล้านตัน ถือว่าสูงเกินไป และคาดว่าผลผลิตอ้อยไทยอาจจะลดลงเหลือ 75 ล้านตัน (หรือลดลง 20% YoY จาก 94 ล้านต้นสำหรับปี 2565/66)

คาดอัตรากําไรขั้นต้นของธุรกิจน้ำตาลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี 2567 จากการส่งออกน้ำตาลทรายขาว/ขาวบริสุทธิ์

เนื่องจากส่วนต่าง ณ ปัจจุบันที่ 6-7 บาท/กก. ระหว่างราคาน้ำตาลส่งออก (26-27 บาท/กก.) และราคา น้ำตาลในประเทศ (19-20 บาท/กก.) บริษัทจึงพยายามหาวิธีการปรับเพิ่มราคาขายน้ำตาลในประเทศด้วย การลดระยะเวลาของสัญญาซื้อขายน้ำตาลในประเทศลงจาก 12 เดือนในปี 2565 เหลือ 1-3 เดือน และปรับราคาให้ถี่มากขึ้นสำหรับในช่วงปี 2566-67 และจะมุ่งเน้นไปที่การส่งออกน้ำตาลทรายขาว/ขาวบริสุทธิ์ ทั้งหมด เนื่องจากมาร์จิ้นของน้ำตาลทรายขาว/ขาวบริสุทธิ์ที่สูงกว่าน้ำตาลทรายดิบ และถึงแม้ว่าปริมาณยอดขายหรือวอลุ่มขายน้ำตาลจะมีแนวโน้มลดลงในไตรมาส 4/66 แต่ผู้บริหารคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/66 มีแนวโน้มพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิ QoQ (เทียบกับประมาณการของเราสำหรับไตรมาส 4/66 ที่คาดเป็นขาดทุนสุทธิ) จากการกลับรายการไปเป็นกำไรจากการป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้าเล็กน้อย ต้นทุนค่าอ้อยที่คาดว่าจะปรับเพิ่มไม่มากแล้วสำหรับในไตรมาส 4/66 และราคาขายน้ำตาลที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น สำหรับในไตรมาส 4/66 โดยภาพรวม เรายังคงแนะให้นักลงทุนมองข้ามกำไรรายไตรมาสของ KSL เนื่องจากราคาขายน้ำตาลกับต้นทุนอ้อยที่ไม่สอดคล้องกัน และไม่สามารถเทียบกันได้ รวมถึงความซับซ้อนที่มากขึ้นของการบันทึกรายการกำไรหรือขาดทุนที่รับรู้จริงจากการป้องกันความเสี่ยงล่วงหน้าเข้าไปในรายการยอดขาย และควรไปให้ความสนใจกับราคาน้ำตาลโลกที่เป็นราคาซื้อขายในตลาดล่วงหน้าแทน  ซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของอุปสงค์และอุปทานน้ำตาลโลกในอนาคตมากกว่า

 

- Advertisement -