บล.ฟิลลิป:

STGT – เริ่มเห็นคําสั่งซื้อกลับมามากขึ้น  

IAA Consensus TP’66: 7.50

2Q66 รายได้ 5,037 ลบ. -23.0%y-y จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง +10%q-q จากปริมาณขายและราคารายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น GPM 10.4% ลดลง y-y และ q-q จากอัตรากำลังผลิตที่ลดลง เนื่องจากมีการขายสต๊อกที่คงเหลือมาจาก 1Q66 กำาไรสุทธิ 15.2 ลบ. -97.5%y-y -88.5%q-q, คาด 3Q66 ราคาขายเฉลี่ยลดลง 8-10% ตามต้นทุน แต่จะมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น GPM และ SG&A คาดปรับตัวดีขึ้น q-q

  • ยังมีกำไร: 2Q66 ยอดขายถุงมือยาง 7,660 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้น y-y และ q-q มีรายได้จากการขาย 5,037 ลบ. -23.0%y-y จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงเป็นหลัก +10.0%q-q จากปริมาณการขายและราคาเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น และเป็นไตรมาสแรกที่เห็นราคาขายเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 64, GPM 10.4% ลดลง y-y และ q-q จาก จากการปรับขึ้นราคาขายถุงมือใน 1Q66 ทำให้มีสต๊อกเหลือค้างมาขายใน 2Q66 ส่งผลให้อัตรากำลังผลิตลดลงมาที่ 59% แต่ยังถือว่ามีกำลังผลิตสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถสลับการผลิตจากถุงมือยางธรรมชาติกับถุงมือยางสังเคราะห์ได้ ทำให้บริหารความต้องการของตลาดได้ดี และ STGT เป็นผู้นำตลาดด้านถุงมือยางธรรมชาติ, SG&A ต่อ ยอดขาย 11.0% เพิ่มขึ้น y-y และ q-q จากโรงงานที่มีอัตรากำลังผลิตน้อย มีการโอนค่าใช้จ่ายจากต้นทุนขายมายังค่าใช้จ่ายในการบริหารตามมาตรฐานบัญชี มีค่าที่ปรึกษาและค่าเผื่อหนี้สงใสจะสูญจาก ลูกหนี้เดิมที่มีระยะเวลานานขึ้น รายได้ทางการเงินเพิ่มขึ้น y-y และ q-q จากการจัดสรรเงินไปเป็นเงิน ฝากประจำ (3-6เดือน) ทำให้ได้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น, กำไรสุทธิ 15.2 ลบ. -97.5%y-y -88.5%q-q, STGT ยังมีกำไรขณะผู้ผลิตรายใหญ่อย่างมาเลเซียและจีนยังขาดทุนอยู่ในไตรมาสนี้
  • คําสั่งซื้อมากขึ้น: ใน 2Q66 มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นมาจากอเมริกาเหนือและยุโรปรวมกว่า 40% จาก 31% ในไตรมาสแรก เป็นสัญญาณที่ดีที่ตลาดใหญ่ของโลก กลับมาสั่งซื้อเพิ่มขึ้นแต่ยังมีการแข่งขันด้านราคาอยู่, คาด 3Q66 ราคาขายเฉลี่ยลดลง 8-10% ตามต้นทุนที่ลดลง ปริมาณขายที่ 8,500 ล้านชิ้น คาด GPM และ SG&A ดีขึ้น q-q จากอัตรากำลังผลิตกลับมาสูงขึ้น
- Advertisement -