Our View? “คาดดัชนีมีแนวโน้มอ่อนตัวลง”

Our View? คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่ 1,532-1533 จุด และแนวต้านที่บริเวณ 1,550 จุด โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนวันศุกร์ปรับตัวลง ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 289 จุด จากความวิตกเกี่ยวกับ อุปสงค์ชิปจากบริษัทรถยนต์ หลังจากสหภาพแรงงานยานยนต์สหรัฐฯ ได้หยุดงานประท้วงที่โรงงานต่างๆ ของ GM, Ford และ Stellantis ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ลดลง เรามองว่าในการประชุม FOMC ในวันที่ 19-20 ก.ย. นี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คาดจะยังคงอัตราดอกเบี้ย เพื่อประเมินสถานการณ์ต่อไป อย่างไรก็ตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังแข็งแกร่ง ประกอบกับราคานํ้ามันดิบที่ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงเดือน ก.ย. นี้คาดจะเป็นแรงกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในระยะถัดไป และอาจทำให้ FED ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปอีกระยะ

ในขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ต.ค. ปรับตัวขึ้น 0.61 USD/bbl มาอยู่ที่ 90.77 USD/bbl หลังจาก IEA คาดการณ์ว่าการที่ซาอุดิอาระเบียขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปีนี้ และรัสเซียขยายเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน จนถึงสิ้นปีนี้ จะส่งผลให้ภาวะตลาดน้ำมันตึงตัวไปจนถึง 4Q/66 นี้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนหลังจากที่จีนเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกสูงกว่าคาดในเดือน ส.ค. ทั้งนี้เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มขนส่งทางเรือ (PSL) ที่คาดจะได้รับแรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วงของการ Restocking ก่อนหยุดปลายปี โดยเราเห็นค่าระวางเรือ (BDI) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องติดต่อกัน เป็นวันที่ 8 เช้านี้อยู่ที่ระดับ 1,381 จุด สูงสุดในรอบ 4 เดือน ค่าการกลั่นยังอยู่ในระดับสูง ล่าสุดอยู่ที่ 12 USD/bbl โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่ค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูงที่ 33 USD/bbl จากการขาดแคลนน้ำมันดีเชล ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่นเช่น TOP, BCP และ ESSO

สําหรับปัจจัยภายในประเทศ นักลงทุนยังคงติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ คาดจะดำเนินมาตรการใหญ่ได้ภายในช่วง 1Q/67 หรือภายในเดือน ก.พ. 67 เรายังคงมุมมองบวกสำหรับการท่องเที่ยวไทย หลังจากรัฐบาลมีนโยบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีน- คาซัคสถานชั่วคราว 5 เดือนจาก 25 ก.ย. 66 – 29 ก.พ.67 ประกอบกับช่วงต้นเดือน ต.ค. เป็นช่วงวันหยุดยาวของจีน และจะเข้าสู่ช่วง high season ของการท่องเที่ยวในช่วง 4Q/66 ในขณะที่นโยบายกระทรวงการท่องเที่ยวตั้งเป้านักท่องเที่ยวปี 2567 อยู่ที่ 40 ล้านคน ใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม-สายการบิน-โรงพยาบาล (AOT, ERW, SPA, AAV, BA, BH และ EKH) ลดราคาน้ำมันดีเซลลงให้ต่ำกว่าระดับ 30 บาท/ลิตร (ปัจจุบันอยู่ที่ระดับราว 32 บาท/ลิตร) โดยการลดภาษีสรรพสามิต อย่างไรก็ตาหากสถานีบริการน้ำมันทำตามนโยบายรัฐบาล อาจกดดันค่าการตลาดของน้ำมันดีเชล แต่ยังคงสามารถขึ้นราคาขายน้ำมันเบนซินได้ตามปกติ มุมมองยังคงเป็นกลางต่อ OR, BCP

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “TOP”

คาดผลการดำเนินงาน 2H/66 จะฟื้นตัวได้โดดเด่น จากค่าการกลั่นตลาดสิงคโปร์ที่คาดว่าจะฟื้นตัว จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคต่างๆ ทั้งสหรัฐฯ, อินโดนีเซีย รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ล่าสุดคาดค่าการกลั่นน้ำมันดีเชลเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงที่ 33 USD/bbl จาก 15 USD/bbl ในช่วง 2Q/66 ส่วนค่าการกลิ่นของน้ำมันเบนซินล่าสุดขึ้นมาอยู่ที่ 23 USD/bbl ในขณะที่ค่าการกลั่นตลาดสิงคโปร์ล่าสุดเพิ่มขึ้นโดดเด่นมาที่ 12 USD/bbl และราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นจะส่งผลให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น แต่คาด TOP จะได้ประโยชน์สูงสุด ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2566 อยู่ที่ 80.00 บาท (P/BV = 1.0) ยังคงแนะนำ “ชื้อ

- Advertisement -